ครม.ไฟเขียวเพิ่มความเร็วจากเดิม 90 เป็น 120 กม./ชม.

0
175

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวง กำหนดความเร็วยานพาหนะ เพิ่มความเร็วสูงสุดรถยนต์จากเดิม 90 เป็น 120 กม./ชม.พร้อมกำหนดความเร็วรถแต่ละประเภท รถตู้-บิ๊กไบค์วิ่งได้ 100 กม./ชม.รถบรรทุก-รถทัวร์วิ่งได้ 90 กม./ชม.รถส่งนร.วิ่งได้ 80 กม./ชม.ส่วนเลนขวาห้ามต่ำกว่า 100 กม./ชม.

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดความเร็วของยานพาหนะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน

โดยร่างกฎกระทรวงกำหนดความเร็วของยานพาหนะฉบับใหม่ จะมีการปรับเพิ่มอัตราความเร็วของรถยนต์ทุกประเภทบนถนนที่มีช่องจราจรตั้งแต่ 4 ช่องขึ้นไป จากความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยได้มีการศึกษาวิเคราะห์กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และหารือกับหน่วยงานและภาคประชาชนแล้ว

สำหรับการขับรถในทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ที่มีทางเดินรถที่จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องเดินรถ มีเกาะกลางถนนเฉพาะแบบกำแพงกั้น (Barrier Median) และไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน มีการกำหนดความเร็วสูงสุดดังนี้

รถบรรทุกคนโดยสาร เกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน, รถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไปวิ่งได้ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

-รถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม และ รถบรรทุกคนโดยสารที่บรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน วิ่งได้ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

-รถจักรยานยนต์ รถโรงเรียน หรือรถรับส่งนักเรียน วิ่งได้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

-รถในขณะที่ลากจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ วิ่งได้  65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

-สำหรับรถยนต์อื่น ให้ขับโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

นอกจากนั้นยังได้กำหนดความเร็วขั้นต่ำ สำหรับการขับรถในช่องเดินรถช่องทางขวาสุดของทางเดินรถในทางหลวง ซึ่งจัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องทางขึ้นไป โดยให้รถยนต์ทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในข้อกำหนดข้างต้น และรถจักรยานยนต์ใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

อย่างไรก็ตาม หากมีเครื่องหมายจราจรกำหนดอัตราความเร็วขั้นสูงต่ำกว่าที่กำหนดไว้ ให้ผู้ขับขี่รถทุกประเภทขับไม่เกินอัตราความเร็วขั้นสูงที่กำหนดไว้ในเครื่องหมายจราจรนั้น ตลอดทางเดินรถหรือในช่วงที่กำหนดดังกล่าว ยกเว้นกรณีไม่สามารถปฏิบัติได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องปริมาณรถในทางเดินรถ หรือเหตุขัดข้องอื่นใดอันมีเหตุผลสมควรแก่กรณี