‘ไปรษณีย์ไทย’ส่งของสด-สินค้าเกษตรผ่านรถควบคุมอุณหภูมิ

0
250

ไปรษณีย์ไทย เดินหน้าพัฒนารถขนส่งควบคุมอุณหภูมิอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าประเภทอาหาร ผลผลิตทางการเกษตรและของสดให้สามารถคงความสดใหม่ และคุณภาพตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง พร้อมช่วยลดต้นทุนด้านค่าขนส่งให้กับผู้ประกอบการ และเกษตรกรในการส่งของไปยังพื้นที่ห่างไกล

นายกาหลง ทรัพย์สอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์ COVID – 19 ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคมักจะมีการสั่งซื้อและฝากส่งสินค้าประเภทอาหารแห้ง อาหารสด และอาหารแปรรูปกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อให้สอดรับกับความต้องการและสร้างความพึงพอใจในด้านดังกล่าว ไปรษณีย์ไทยจึงได้พัฒนาระบบขนส่งผ่านรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิที่มีศักยภาพในการควบคุมอุณหภูมิได้ถึง -18 องศาเซลเซียส เพื่ออำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าประเภทอาหาร ผลผลิตทางการเกษตร และของสดให้สามารถคงความสดใหม่ และคงคุณภาพตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ซึ่งศูนย์กระจายสินค้าของไปรษณีย์ไทย 15 จุด ในปัจจุบันได้เริ่มใช้รถควบคุมอุณหภูมิแล้ว เช่น การบริการขนส่งสินค้าประเภทอาหาร ผลผลิตทางการเกษตร และของสดต่างๆ โดยนำร่องที่จังหวัดอุดรธานี หนองคาย และให้บริการขนส่งสินค้าหลากหลายประเภทแล้ว เช่น แหนมเนืองและหมูยอของ จ.อุดรธานี ไก่ย่างเขาสวนกวางของ จ.ขอนแก่น รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร เช่น พุทรานมสดของ จ.กาฬสินธุ์ ส้มเขียวหวานของ จ.แพร่ ส้มสายน้ำผึ้งของ จ.เชียงใหม่ และอาหารทะเล เช่น ปลากระพงขาว กุ้ง เนื้อ จากแพลตฟอร์ม ohlalashopping

“ในการพัฒนารถขนส่งควบคุมอุณหภูมิเป้าหมายสำคัญไม่ใช่แค่เพียงสร้างมิติใหม่ หรือ ความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับบริการของไปรษณีย์เท่านั้น แต่เป็นการอาศัยประสบการณ์ในด้านการขนส่งของไปรษณีย์ และเครือข่ายที่พร้อมให้บริการทั่วประเทศให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โดยยังจะมีประโยชน์อย่างมากในอนาคตสำหรับผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน รวมถึงเกษตรกรที่มีการเพาะปลูกและแปรรูปสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะในฤดูเก็บเกี่ยวที่ส่วนใหญ่มักจะมีผัก ผลไม้ และพืชพรรณชนิดอื่นๆ ที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละภูมิภาคออกมาเป็นจำนวนมาก รวมถึงการขนส่งของสดที่เป็นเนื้อสัตว์จากต้นทางไปสู่ปลายทาง ทั้งนี้ เมื่อสินค้าต่างๆ มีคุณภาพ ก็จะเกิดการลดต้นทุนค่าขนส่งของผู้ประกอบการ ช่วยในเรื่องของการเพิ่มรายได้และนำไปสู่การเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ ในส่วนของผู้รับสินค้าเองก็จะเกิดความพึงพอใจและได้มีโอกาสในการเข้าถึงการซื้อสินค้าที่อยู่ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้มากขึ้นอีกด้วย”

สำหรับการดำเนินธุรกิจของไปรษณีย์ไทยในช่วงปี 2564 นี้ นอกจากจะมีเป้าหมายในการเป็นองค์กรด้านการสื่อสารและขนส่งเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทยแล้ว ยังมุ่งที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วนต่างๆ ในสังคม รวมถึงวางเป้าหมายสำคัญคือการสร้างความสุขให้กับคนไทย การร่วมเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เอกชน เพื่อต่อยอดศักยภาพต่างๆ ที่แต่ละองค์กรมีร่วมกัน พร้อมทั้งจะมีโครงการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับสังคมออกมาอย่างต่อเนื่อง นายกาหลง กล่าวทิ้งท้าย