ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญภาคอุตสาหกรรมการขนส่งเมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่ระหว่าง VOLVO Trucks กับ DHL ได้ลองนำรถบรรทุก VOLVO FH EV (BEV-SERIES) มาทดสอบวิ่งจริงในระยะทาง 150 กม.ในประเทศสวีเดน พิกัดน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกของแล้วอยู่ที่ 60ตัน ถือว่าเป็นโครงการท้าทายอย่างมาในช่วงที่สองสำหรับงานขนส่งทางไกล และเป็นรถขนาดใหญ่
“ผมมั่นใจว่าความร่วมมือที่แข็งแกร่งของเรากับ Volvo Trucks ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์รถบรรทุกรายใหญ่ของโลกจะช่วยสนับสนุนเราในการบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในภาคการขนส่งสินค้าทางถนนเป็นอย่างดี เป้าหมายของเราคือลดการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ทั้งหมดให้เหลือศูนย์” Uwe Brinks, CEO ของ DHL Freight กล่าว
ก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ยักษ์ใหญ่ก็ประสบความสำเร็จมาแล้วกับการนำรถบรรทุกไฟฟ้าขนาดกลาง VOLVO FL EV มาวิ่งในเขตเมืองกรุงลอนดอน ประอังกฤษ ครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับด้วยการพัฒนารถบรรทุกไฟฟ้าที่มาขนาดใหญ่ขึ้น และนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของวงการโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนกว่าเดิม
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมขนส่งบ้านเรากับเทรนด์รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าก็มีความเคลื่อนไหวให้เห็นอยู่บ้าง ทว่า ก็ยังไม่ถึงกับหวือหวาอะไรมากเพราะเป็นปลายทางหากเปรียบเทียบกับแถบยุโรปที่ถือว่าเป็นต้นทางอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ที่หลายค่ายรถใหญ่ระดับโลกได้มีการทดลองวิ่งและมีคิวเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกหลายรุ่นด้วยกัน
ทว่า เทรนด์ความนิยมรถยนต์ส่วนบุคคลพลังงานไฟฟ้าในบ้านเราก็เริ่มเห็นทิศทางการผลักดันและขับเคลื่อนไปข้างหน้าที่ชัดเจนในหลายมิติแล้วทั้งภาครัฐและเอกชนท่ามกลางความสงสัยว่าเทรนด์ความนิยมยานยนต์แห่งอนาคตในชีวิตการใช้งานจริงเกิดขึ้นหรือไม่?
ส่องข้อมูลการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าสะสมปี 2563 ที่ผ่านมา น่าจะเป็นข้อมูลชี้ได้ในระดับหนึ่งว่า เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าบ้านเราในโลกของการใช้งานจริงมีทิศทางเพิ่มขึ้น ทั้งความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ยานยนต์มีลักษณะการทำงานและชิ้นส่วนต่างๆ คล้ายกับยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด
และยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) เป็นยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนและยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) เป็นยานยนต์ที่ใช้มอเตอร์ ไฟฟ้าขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจวิบัติจากโควิด-19พบว่าตัวเลขการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้ามีอัตราเพิ่มสูงชี้ให้เห็นว่าเทรนด์ยานยนตไฟฟ้ากำลังมาแน่นอน
