ขนส่งฯย้ำใช้ป้ายแดงต้องคู่สมุดคู่มือฯเตือนใช้ป้ายแดงปลอมมีโทษถึงจำคุก

0
131

ขนส่งฯย้ำใช้ป้ายแดงต้องคู่สมุดคู่มือประจำรถ ชี้อนุโลมกชั่วคราวไม่เกิน 30 วันนับจากวันรับรถ เตือนใช้ป้ายแดงปลอมที่โฆษณาขายในสื่อสังคมออนไลน์ หรือทำป้ายปลอมขึ้นเองเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญามีโทษถึงขั้นจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน-5 ปี และปรับ 10,000-100,000 บาท

นางพรรณี พุ่มพันธ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมฯตรวจพบการประกาศขายป้ายแดง พร้อมสมุดคู่มือประจำรถ และประกาศการรับทำป้ายแดงในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็น “ป้ายแดงปลอม” ที่มิได้ออกโดยกรมการขนส่งทางบก โดยป้ายแดงที่ถูกกฎหมายนั้นไม่มีขาย แต่มีอยู่ในความครอบครองของบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถที่ได้รับใบอนุญาต ซึ่งมีไว้เพื่อใช้ติดรถเพื่อนำรถไปส่งให้ลูกค้า หรือนำรถไปซ่อมแซมเท่านั้น ไม่ใช่ป้ายทะเบียนส่วนบุคคลที่ผู้ใดจะนำไปจำหน่ายต่อหรือผลิตขึ้นเองได้ ดังนั้น จึงขอย้ำเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อซื้อป้ายแดงที่มีการประกาศขายดังกล่าว เนื่องจากการนำป้ายแดงปลอมไปติดรถ เจ้าของรถจะมีความผิดฐานใช้เอกสารทางราชการปลอม ตามกฎหมายอาญา มีโทษถึงขั้นจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน-5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท

ทั้งนี้ กรมฯได้มีมาตรการตรวจสอบป้ายแดงปลอม โดยได้จัดทำระบบบริการใบอนุญาตเครื่องหมายพิเศษ (ป้ายแดง) สำหรับบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถที่ได้รับใบอนุญาตบันทึกข้อมูลการใช้ป้ายแดงเมื่อมีการส่งมอบรถยนต์ให้กับผู้ซื้อ เพื่อใช้ตรวจสอบสถานการณ์ครอบครองป้ายแดงแบบออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจให้ประชาชน ผู้ใช้รถป้ายแดงทราบถึงวัตถุประสงค์การใช้งานป้ายแดงและลักษณะป้ายแดงที่ถูกต้อง ซึ่งวิธีสังเกตป้ายแดงที่ออกให้โดยกรมการขนส่งทางบกนั้น ตัวแผ่นป้ายต้องมีตัวอักษร ขส ลักษณะนูนที่มุมด้านล่างขวา และลายน้ำปรากฏในแผ่นป้ายทะเบียนรถ

รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ป้ายแดงจะต้องใช้คู่กับสมุดคู่มือประจำรถโดยอนุโลมให้ใช้ป้ายแดงเป็นการชั่วคราวไม่เกิน 30 วัน นับจากวันรับรถ หากเจ้าของรถนำป้ายแดงไปใช้เกินกว่าระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ดำเนินการนำรถไปจดทะเบียนให้แล้วเสร็จ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ฐานใช้รถโดยไม่จดทะเบียน มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท นอกจากนี้ หากรถยนต์ถูกโจรกรรมจะยากต่อ การติดตามตรวจสอบ จึงแนะนำให้ผู้ที่ซื้อรถใหม่เร่งนำรถมาจดทะเบียนให้ถูกต้อง ณ กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดโดยเร็ว