“ป้าย 33 ล้าน”บทเรียนราคาแพง

0
68

ดร.สามารถ” เผยข้อกังขาของป้ายราคา 33 ล้านบาท ชี้ให้เราเห็นว่าแม้โครงการขนาดเล็กก็อาจมีเงินรั่วไหล แล้วโครงการขนาดใหญ่ซึ่งยากที่จะตรวจสอบจะไม่มีเงินรั่วไหลหรือ ?

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์โพสต์ เฟซบุ๊ก ดังมีรายละเอียดว่า บทเรียนที่เราได้รับจากการเปลี่ยนชื่อป้าย “สถานีกลางบางซื่อ” เป็น “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” มีดังนี้

1.การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ควรขอพระราชทานชื่อสถานีกลางบางซื่อซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางของประเทศไทยและเป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนก่อนดำเนินการก่อสร้าง เพื่อลดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน เช่นเดียวกับ “สนามบินหนองงูเห่า” ซึ่งเป็นชื่อที่พวกเราเรียกขานกัน หรือ “ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (New Bangkok International Airport : NBIA)” ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้สื่อสารตอนเริ่มดำเนินโครงการก่อนได้รับพระราชทานชื่อ “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2543 ก่อนเริ่มก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร

2.แม้ว่าผลการตรวจสอบของคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างในโครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่ได้ชี้ชัดว่าการเปลี่ยนป้ายชื่อมีราคาแพง แต่เป็นที่น่าสังเกตได้ว่าถ้าราคาไม่แพง คณะกรรมการฯ คงไม่เสนอแนะให้ทบทวนราคากลาง และวิธีการประมูล ซึ่งผมเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ

แต่เป็นที่น่ากังขาว่า “เหตุใด รฟท. จึงไม่นำแนวทางตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ มาใช้ตั้งแต่การคิดราคากลางครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 ซึ่งคำนวณได้ 33,169,726.39 ล้านบาท เพราะเป็นแนวทางที่ รฟท. รู้ดีอยู่แล้ว” ดังนี้

(1) นำตัวอักษรเดิม “สถานีกลาง” มาใช้ตามที่คณะกรรมการฯ เสนอแนะ ซึ่งผมขอเสนอแนะเพิ่มเติมว่าควรใช้ตัวอักษรเดิมอีก 2 ตัว ได้แก่ “ง” และ “อ” จากป้ายชื่อเดิม “บางซื่อ” มาใช้กับ “กรุงเทพอภิวัฒน์” ในป้ายชื่อใหม่ รวมทั้งควรนำตัวอักษรภาษาอังกฤษเดิมที่เหมือนกันมาใช้ด้วย

(2) ลดค่าออกแบบใหม่ซึ่งมีแบบเดิมอยู่แล้ว ไม่ได้ออกแบบใหม่ทั้งหมด

(3) ลดค่าใช้จ่ายในการเลือกใช้วัสดุ การรื้อถอนป้ายชื่อเดิม และติดตั้งป้ายชื่อใหม่

(4) เลือกวิธีการประมูลที่เปิดให้มีการแข่งขัน ซึ่งจะทำให้ราคาลดลงได้เหล่านี้เป็นแนวทางที่ รฟท. ควรนำมาใช้ในการคำนวณราคากลางในครั้งแรก เพราะมีประสบการณ์ในการคิดราคากลางดีอยู่แล้ว ปัญหาราคากลางที่ถูกกล่าวหาว่าแพงก็จะไม่เกิดขึ้น แต่เหตุใดจึงไม่นำมาใช้ ?

3.การเปลี่ยนป้ายชื่อเป็นโครงการขนาดเล็กแต่มีความสำคัญ โครงการขนาดเล็กเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณต่ำ การก่อสร้างไม่ซับซ้อน ซึ่งผู้สนใจทั่วไปสามารถรู้สึกได้ว่าราคาถูกหรือแพง ต่างกับโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งต้องใช้งบประมาณสูง การก่อสร้างซับซ้อน ยุ่งยาก ดังเช่นโครงการรถไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งผู้สนใจไม่สามารถรู้สึกได้ว่าราคาถูกหรือแพง เพราะยากที่จะตรวจสอบได้ ด้วยเหตุนี้ หากโครงการขนาดเล็กมีเงินรั่วไหล แล้วโครงการขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นมากมาย เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าไม่มีเงินรั่วไหล ?

4.โดยสรุป โครงการเปลี่ยนชื่อป้ายสถานีจาก “สถานีกลางบางซื่อ” เป็น “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” ทำให้ประชาชนทุกคนได้บทเรียนราคาแพงว่าเราต้องให้ความสนใจกับการใช้งบประมาณซึ่งเป็นเงินภาษีของพวกเราในการประมูลทุกโครงการ