วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024

Colmunist

เรื่องเล่าจากคอลัมน์นิสต์

เกราะป้องกันการโกง

มโหฬีปี่กลองทางการเมืองที่กำลังรัวกลองรับฤดูกาลหาเสียงดูจะสร้างความคึกคักให้กับบรรดาพรรคการเมืองและนักเลือกตั้งทั้งหลาย หลังจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) “ปลดล็อค” ให้พรรคการเมืองและนักการเมืองกลับมาดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้แล้วบางส่วน แต่การหาเสียงเต็มรูปแบบนั้นยังคงต้องรอไฟเขียวจาก “คณะกรรมการการเลือกตั้ง”หรือ “กกต.”ที่จนป่านนี่ยังไม่ “ตกผลึก” ว่ากิจกรรมทางการเมืองใดบ้างที่พรรคการเมืองและนักการเมืองทำได้ ทำไม่ได้อย่างไร มันจึงเป็นความอิหลั่กอิเหลื่อ “ที่พรรคการเมืองหนึ่งอยากทำอะไรก็ทำได้ทุกอย่าง ขณะอีกพรรคแค่หายใจแรงๆ ยังถูกจ้องจับผิดจะแจกใบเหลืองใบแดงกันซะให้ได้!  ขณะที่ความคาดหวังของประชาชนคนไทยที่มีต่อการเลือกตั้งหนนี้ ที่แม้รัฐบาลคสช.จะยืนยัน นั่งยันว่า ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระที่ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง แต่ด้วยพฤติกรรมที่แสดงออกมาของ กกต.เองนั้น กลับทำให้ประชาชนคนไทยเริ่มไม่ไว้วางใจการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระแห่งนี้ว่ายังคงจะดำรงสถานะความเป็น “องค์กรอิสระ” ที่ประชาชนคนไทยจะฝากความหวังไว้ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะพฤติกรรมการแสดงออกของผู้บริหารองค์กรนี้ ไล่ดะมาตั้งแต่การรับลูกนายกฯจะให้ตัดชื่อพรรคและโลโก้พรรคการเมืองออกจากบัตรเลือกตั้งให้มีแต่เลขหมายผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่ามี “วาระซ่อนเร้น”ที่ยากจะอรรถาธิบายต่อสังคม ลำพังแค่การกำหนดเขตเลือกตั้งสุดพิสดารประเภท 1 อำเภอ 4 เขตเลือกตั้ง กำหนดเบอร์ผู้สมัครต่างเขตต่างพรรคเอาชนิดต่อให้เป็นอำเภอเดียวกันแต่ละคนละเขตเลือกตั้งก็จำกันไม่หวาดไม่ไหวหาไม่ได้อีกแล้วใน...

ตบหน้าซิมอัตลักษณ์

ฉาวซ้ำขึ้นมาอีกจนได้! กับกรณีการบังคับใช้ประกาศ กสทช. ว่าด้วยการลงทะเบียนซิมใหม่แบบ “อัตลักษณ์” ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการมือถือต้องลงทะเบียนด้วยระบบตรวจสอบอัตลักษณ์ทั้งใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ หรือ Finger print ที่ศูนย์บริการของผู้ให้บริการ หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งดีเดย์มาตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ 61 โดย กสทช. ยืนยันนั่งยันว่า ระบบการลงทะเบียนซิมอัตลักษณ์ใหม่ที่ว่านี้จะป้องกันการสวมรอย ปลอมแปลงการลงทะเบียนซิมการ์ดไปก่ออาชญากรรม ในทุกรูปแบบ เพราะผู้ลงทะเบียนต้องยืนยันและพิสูจน์ตัวตนผ่านระบบที่ กสทช.และผู้ให้บริการมือถือร่วมกันจัดทำขึ้น แต่ไหงล่าสุดกับเกิดกรณี "ซาเล้งเมืองสุพรรณ" ตบหน้าซิมอัตลักษณ์...

จาก“ไฮสปีดเทรน”ถึง 5G…ความเหมือนบนความแตกต่าง

ขณะที่ถนนทุกสายต่างเฝ้าจับตาการชิงดำสัมปทานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)มูลค่าลงทุนกว่า 2.24 แสนล้านบาทอย่างไม่กระพริบ! หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอไปเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมี 2กลุ่มบริษัทเอกชนเปิดหน้าเข้ายื่นข้อเสนอ คือกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้งของ “เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์”  กับกลุ่มกิจการร่วมค้า BSR Joint Ventureที่ประกอบด้วยบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน),บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)และบริษัท...

ดราม่าเทอร์มินัล 2 

เหลือบไปเห็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี(ปี 2561-2580)  ที่รัฐบาลคสช.ผลักดันออกมามัดตราสังเป็นโซ่ตรวนให้พรรคการเมืองและรัฐบาลในอนาคตจะต้องปฏิบัติตาม หลังราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศยุทธสาสตร์ดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยยุทธศาสตร์ชาติที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด เห็นจะเป็นด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ที่มีเป้าหมายยกระดับการพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศพัฒนาแล้ว มีรายได้สูงภาย ใน 20 ปี  จึงต้องมุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ บนพื้นฐานแนวคิด 3 ประการ ได้แก่ 1.ต่อยอดอดีต  โดยมองกลับไปที่รากเหง้าทางเศรษฐกิจ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และจุดเด่นทางทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย รวมทั้งความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของประเทศ ในด้านอื่น ๆ...

สมาร์ท ซิตี้” กับผังเมืองและอีอีซี

“...แปดริ้วแห่ขึ้นป้าย“เขตปลอดอีอีซี” ต้านเจ้าสัวไล่ฮุบที่สร้างเมืองใหม่ ....” ยังคงเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” กับเรื่องที่ชุมชนชาวโยธะกา อำเภอบางน้ำเปรี้ยว ออกโรงต่อต้านการรุกคืบเข้ามาของกลุ่มทุนเจ้าสัวกระเป๋าหนักทั้งหลาย โดยยืนยันจะไม่ยอมโยกย้ายหรือยินยอมให้หน่วยงานรัฐไหนเอาผืนนาอันอุดมสมบูรณ์ไปสร้างเมืองใหม่ Smart City รองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี โดยเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ชาวนาหลายหมู่บ้านในตำบลโยธะกา อำเภอบางน้ำเปรี้ยว เขตติดต่อหรือรอยต่อกับจังหวัดปราจีนบุรี ในนาม"กลุ่มโยทะการักษ์ถิ่น" กว่า 100 คน ได้รวมตัวกันอ่านคำประกาศยืนยันสิทธิ์อันชอบธรรมในฐานะผู้บุกเบิก แผ้วถาง...

หัวปิงปอง-หัวร้อน!

ยังคงเป็นประเด็นสุดฮอต เป็น “ทอล์ก ออฟเดอะทาวน์” สนั่นเมือง... กับเรื่องที่ กรมขนส่งทางบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปัดฝุ่นชงร่างแก้ไขและปรับปรุงกฎหมายขนส่งและกฎหมายรถยนต์ เพิ่มโทษผู้ขับขี่รถที่ไม่มีใบอนุญาต จากเดิมจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000  บาท เป็นจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท ทำเอาผู้คนในสังคมอุทานกันเสียงหลง ดาหน้าออกมาถล่มกันจมหู  ถึงขนาดที่อดีตผู้พิพากษาบางคนออกมาตีแสกหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจเปรียบเทียบปรับ ต้องรวบรวมหลักฐานส่งให้ศาลพิจารณาเท่านั้น...

หลุมพรางธุรกิจนอกรีด!

แม้รัฐบาลคสช.จะประกาศนโยบายปราบปรามมาเฟียเงินกู้นอกระบบอย่างถึงพริกถึงขิง โดยมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)แต่ละจังหวัดสนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ดำเนินการปราบปรามเครือข่ายนายทุนเงินกู้นอกระบบกันอย่างเข้มข้น กวาดจับบรรดาแก๊งนายทุนขูดรีดเอาเปรียบประชาชนระดับรากหญ้ากันไม่เว้นแต่ละวัน ขณะที่กระทรวงการคลังก็เตรียมรุกคืบตีทะเบียนผู้ให้บริการเงินกู้ทั้งหลายเหล่านี้  โดยเตรียมยกร่างกฎหมายจัดตั้งสำนักงานกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ทั้งหลายแหล่เพื่อปกป้องคุ้มครองประชาชนไม่ให้ถูกเอาเปรียบ เช่นเดียวกับคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ดีเดย์ออกประกาศให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์เป็นธุรกิจควบคุมสัญญาโดยขยายขอบเขตครอบคลุมไปถึงบรรดาธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเหล่านี้ด้วยไม่ให้มีช่องตีกรรเชียง เลี่ยงบาลีกันได้อีก   แต่ยุทธการปราบปรามเครือข่ายผู้มีอิทธิพลที่เข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมายหนี้นอกระบบตลอดช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา ดูจะกวาดล้างได้แต่แก๊งเงินกู้ประเภท “ปลาซิวปลาสร้อย” เท่านั้น ขณะผู้ประกอบการเงินกู้รายใหญ่ที่ป่าวประกาศว่าให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียรถที่อ้างว่าถูกกฎหมายได้ใบอนุญาตจากทางการ แต่พฤติการณ์ปล่อยกู้แทบจะแยกแยะไม่ออกเลยว่า ต่างไปจากบรรดานายทุนเงินกู้นอกระบบที่รัฐกำลังกวาดล้างอยู่นี้อย่างไรนั้นยังคง “ลอยนวล”      ล่าสุดนี้เราจึงได้เห็นธุรกิจเหล่านี้ยุงคงตีปี๊บผุดแคมเปญปล่อยกู้ ให้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่ยังโขกดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมและบังคับลูกหนี้โอนหลักทรัพย์ค้ำประกันกันต่อไป...

ซุกปัญหาใต้พรม!

แม้จะเป็นข่าวเล็กๆที่สอดแทรกเข้ามาในช่วงที่ประชาชนคนไทยกำลังร่วมแสดงความยินดีปรีดากันถ้วนหน้ากับความสำเร็จของปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 เยาวชน “ทีมหมูป่าอคาเดมี” ที่ติดอยู่ใน “ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” นานกว่า 17 วันที่ถือเป็น ปฏิบัติการสุดหินยิ่งกว่า  Mission Impossible  แต่เมื่อ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. ได้แถลงข่าวว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทาคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้รวบตัวชายหนุ่มวัย 31 ปีดีลเลอร์ขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ปลอมแปลงบัตรประชาชน “ลุงตู่- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ ไปลงทะเบียนซิมโทรศัพท์ไปหลายต่อหลายครั้งในห้วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม 2561 ก่อนนำซิมไปขายให้ลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติแล้วก็ทำเอาทุกฝ่ายแตกตื่น... หลายคนอ่านแล้วก็ให้สมน้ำหน้าหนุ่มคิดสั้นรายนี้ที่เล่นกับใครไม่เล่น...

จากช่อดอกไม้ถึง…”ก้อนอิฐ”

ยังคงเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์!  กับการจัดประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิร์ตซ์(MHz) ที่ “คณะกรรมการ กิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.)” คาดหวังเอาไว้ก่อนหน้า ยังไงเสียก็เชื่อว่าบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมก็ต้องเข้าร่วมประมูล เพราะคงไม่มีค่ายใดยอมเสียหน้าให้คู่แข่งปาดหน้าฮุบคลื่นความถี่ไปได้ก่อน แต่เอาเข้าจริงวันนี้กลับ “ไร้เงา” ผู้เข้าประมูลทั้ง 3 ค่ายมือถือต่างพร้อมใจกัน “เทคลื่น 1800 “อย่างไม่ใยดี ! ทำเอาผลงาน “ชิ้นโบว์แดง” ของกสทช.ที่เคยสร้างประวัติศาสตร์จัดประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz...

ไหนว่าคืนความสุข!

มึนกันไปแปดตลบกันมหกรรมคืนความสุขถ่ายทอดศึกฟุตบอลโลก2018 14 มิถุนายน-15 กรกฎาคม 2561 ที่คอบอลทั้งประเทศเฝ้ารอกันมานานถึง 4 ปี    เพราะในขณะที่รัฐบาลพลเอกประยุทธิ์ จันทร์โอชา ตกปากรับคำประชาชนคนไทยอย่างดิบดีจะคืนความสุขให้ประชาชนคนไทยได้ดูมหกรรมฟุตบอลโลกครั้นี้กันอย่างฉ่ำปอดทั้ง 64 แมทช์ แต่ไม่รู้“บิ๊กป้อม”พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ”รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่ได้รับมอบหมายให้ไปดูแลเรื่องนี้ ไปสื่อสารกับ 9 ลูกเทพบริษัทเอกชนที่ร่วมลงขันกันอีท่าไหนไม่ทราบ เงินลงขันจากบริษัทเอกชนทั้ง 9 รายอาทิจากบริษัทไทยเบฟ ซี.พี.ธนาคารกสิกรไทย BTS คิงส์พาวเวอร์ กัลฟ์...