ล้อมคอกฝุ่นพิษ?ห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปวิ่งเข้ากรุงเวลากลางวัน เริ่ม 1 ธ.ค.นี้

0
558

มันมาอีกแล้วครับพี่น้อง!มันมากับอากาศความหนาวเย็นสำหรับฝุ่นจิ๋วมหาภัย PM2.5 ที่เริ่มจะมาเคาะประตูหน้าบ้านพลางหลอนระบบหายใจคนไทยอีกแล้วหลังย่างเข้าสู่เหมันต์ฤดูเต็มตัวได้เพียงไม่กี่วัน และที่ไม่ต้องรอประกาศ“บิ๊กเซอร์ไพรส์”ให้เสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ เพราะ…มาแน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง นั่นก็คือมหกรรมล้อมคอกสกัดฝุ่น PM2.5

ตามรายงานข่าวโดยกทม.นำโดยท่านพ่อเมืองหลวง“พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง”ผู้ว่าฯกทม.เตรียมออกคำสั่งห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปวิ่งเข้าเขตกทม.ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น.ให้วิ่งได้เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้นเป็นเวลา 3 เดือนเริ่ม 1 ธ.ค.63-28 ก.พ.64 หวังพุ่งชนเป้าหมายมหกรรมล้อมคอกป้องกันปัญหารูทีนสกัดค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน

ว่าก็ว่าคงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรเลยครับพี่น้องสำหรับมหกรรมล้อมคอกปัญหาฝุ่น PM2.5 จากทางภาครัฐที่งัดออกมาปฏิบัติการแก้ไขเฉพาะหน้าในยามที่ปัญหาฝุ่น PM2.5 มาเยือนเราๆท่านๆทุกๆปีเมื่อถึงหน้าหนาวอากาศปิดถึงเราไม่ได้ส่งการ์ดเชิญมันก็ยังมาเยือนเราอยู่ดี  

หากโรคอัลโซเมอร์ไม่ลักพาตัวไปเที่ยวที่ไหนแล้วล่ะก็คงพอจำกันได้เมื่อปลายปีที่แล้วลากยาวข้ามปีมาถึงเดือนก.พ.ปี 63 ภาครัฐได้คลอดหลากหลายมาตรการล้อมคอกแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 โดย 1 ในนั้นถือเป็น“ยาแรง”สำหรับพี่น้องสิงห์รถบรรทุก นั่นก็คือห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปวิ่งบนถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกในวันคี่โดยเด็ดขาด ตั้งแต่ 06.00-21.00 น. และให้เข้าได้ในช่วงหลังเวลา 21.00-05.00 น.เท่านั้น ส่วนวันคู่สามารถเข้าได้ช่วงเวลาตามปกติ

มาคราวนี้ไม่จำกัดวงอยู่แค่วันคี่เท่านั้นนะจ๊ะคุณๆทั้งหลาย ไม่ว่าวันคู่หรือคี่ก็ไร้ความหมายเพราะเปิดให้วิ่งเข้ากรุงได้เฉพาะหลัง 3 ทุ่ม-ตี 5 เท่านั้น และที่สร้างบิ๊กเซอร์ไฟรส์ก็คือไม่ได้ห้ามวิ่งเฉพาะรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเท่านั้น ยังห้ามรถบรรทุก 6 ล้อพ่วงเข้าไปด้วยนี่สิ…เรียกได้ว่างานนี้งามไส้แตกแหกอารมณ์รถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อเป็นต้นไปเลยครับพี่น้อง

หวยออกมาแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับปฏิบัติการจับ“สิงห์รถบรรทุก”เป็นแพะรับปาปเซ่นพิธี“บูชายัญฝุ่น PM 2.5”อะไรยังงั้นอีกหนึ่งปี เพราะการห้ามเฉพาะพวกเขาวิ่งก็เท่ากับพวกเขาเป็นต้นตอปัญหาแต่เพียงผู้เดียว ทั้งที่ต้นตอปัญหาฝุ่นในเมืองหลวงและปริมณฑลตามที่กรมควบคุมมลพิษร่ายเอาไว้ ร้อยละ 72.5 มาจากการคมนาคมขนส่ง เป็นรถบรรทุกกว่าร้อยละ 28 ร้อยละ 7 มาจากรถบัส ร้อยละ 21 มาจากรถกระบะ ร้อยละ10 มาจากรถยนต์ส่วนตัว และอีกร้อยละ 5 มาจากบรรดาแมงกะไซค์

แม้พอจะบังคับขืนใจให้รับได้ว่าเป็นมาตรการแก้ปัญหาระยะสั้นๆคิดสั้นๆแก้ผ้าเอาหน้ารอด และ…OK ต้นตอ”บ่อเกิดฝุ่นจิ๋วมหาภัยนั้น ร้อยละ 72.5 มาจากการคมนาคมขนส่ง และในจำนวน 72.5 % นั้นเป็นรถบรรทุกร้อยละ 28 ที่สังคมพยายามยัดเยียดว่าเป็น“ต้นตอตัวเอ้”ฝุ่นเจ้ากรรมนายเวร PM2.5 เพียงเพราะเป็น“พี่ใหญ่”บนท้องถนนอะไรเทือกนั้น

แต่ไฉนเล่า?ภาครัฐกลับยัดเยียดให้สิบล้อซด“ยาแรง”แต่เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นแล้วรถบัส รถกระบะ รถยนต์ส่วนตัว หรือแม้แต่บรรดาแมงกะไซต์ก็ล้วนมีส่วนเป็นต้นตอด้วยเช่นกัน…ทำไมภาครัฐไม่กล้าอัญเชิญยาแรงให้พวกเขาได้ดื่มด่ำแก้กระหายแก้คอแห้งบ้างล่ะ?

เยี่ยงนี้แล้วมันคือการเลือกปฏิบัติหรือไม่?และมันคือแก้ปัญหาที่ตรงจุดและเป็นธรรมสำหรับพี่น้องสิงห์บรรทุกแล้วหรือไม่? แล้วความเดือดร้อนและผลกระทบที่เกิดขึ้น…ใครจะช่วยเยียวยาล่ะเจ้าคะพระเดชพระคุณท่าน?และภาครัฐหามาตรการรองรับปัญหาที่ตามมาหรือไม่?อย่างไร?

อย่าแกล้งลืมนะครับ!การห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปวิ่งเข้ากรุงในเวลากลางวันนี้ไม่ต่างอะไรกับ“ปิดตายรถบรรทุก”วิ่งเข้าเขตชั้นในเมืองหลวงเชียวนะ ระบบคมนาคมขนส่งเชื่อมจากเหนือ-อีสานเข้าใจกลางเมืองต่อไปท่าเรือและคลังสินค้าต่างๆ หรือเชื่อมไปยังภาคกลางลากยาวล่องใต้แทบเป็นอัมพาต กระทบชิ่งซึมลึกถึงห่วงโซ่การขนส่งและโลจิสติกส์อื่นๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพราะ…ทุกภาคส่วนในป่าดงดิบขนส่งต้องปรับแนวทางการทำงานใหม่เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น ไหนจะเพิ่มบุคลากรไหนจะเพิ่มค่าใช้จายอีกบานตะไท แล้วภาครัฐเคยไปสะกิดสีข้างและตรวจสอบสุขภาพความพรั่งพร้อมพวกเขาหรือไม่?อย่างไร?

เมื่อห้ามวิ่งตอนกลางวันเปิดให้เข้าได้ในช่วงหลังเวลา 21.00-05.00 น.บรรดารถบรรทุกจากทุกสารทิศก็จะเกิดการ“แออัด”มัดรวมอยู่เขตรอบนอกเพื่อรอเวลาวิ่งเข้าสู่ใจกลางกรุงเฉพาะเวลากลางคืน การบริหารจัดการจราจรที่หนาแน่นแล้วหน่วยงานไหนรับผิดชอบ?และเตรียมการรองรับหรือยัง?และตามถนนสายหลักใน 4 มุมเมืองก่อนเข้ากรุงที่รัฐบอกจะสร้าง“จุดจอดรถบรรทุก”เพื่อรองรับปัญหาการแออัดรถบรรทุกน่ะ…เวลานี้ไปถึงไหนแล้วพระเดชพระคุณท่าน?

อารมณ์พลพรรคสิงห์รถบรรทุกหลังประกาศห้ามวิ่งในเวลากลางวันนี้ไม่ต่างจากเมื่อครั้งปัญหาฝุ่นจิ๋วมหาประลัยมาเยือนคราวที่แล้วหรอก เพราะมันอุดมด้วยความหดหู่และสิ้นหวังไม่ต่างอะไรกับการที่กำลังถูกรัฐจับมัดโซ่ตรวนเป็น“แพะบูชายัญ”บวงสรวงพิธีกรรมไล่ฝุ่น PM 2.5 เพื่อความสงบร่มเย็นสุขภาพแห่งมวลประชา

ทว่า พวกเขาจะได้รับเกียรติถูกจารึกไว้ใน“คัมภีร์ไล่ฝุ่น”หรือทรงคุณค่าพอกับเหรียญกล้าหาญไว้เป็นที่ระลึกหรือไม่?หลังเพ่งกสิณในดิน น้ำ ลม ไฟแล้ว…คงเหลือแต่ภาพลวงตาในสภาวะ “สุญญตา”…ในสายตาเธอประเทศไทย!

….สิงห์รถบรรทุก กลายเป็นแพะ! แบะ! แบะ!ไปอีกปีเช่นเคย!

:ปีศาจขนส่ง