ถนนเสียหาย 11 จังหวัด 26 เส้นทางทล.เร่งฟื้นฟูหลังน้ำท่วมคลี่คลาย

0
60

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า จากที่ในหลายพื้นที่มีน้ำท่วมจนทำให้ถนนทางหลวงหลายสายได้รับความเสียหายถูกน้ำท่วม ดินสไลด์ในพื้นที่ 11 จังหวัด ทำให้ถนนทางหลวงเสียหายกว่า 26 สายทาง ประชาชนไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้กว่า 22 แห่ง ในขณะที่บางพื้นที่ยังมีปริมาณน้ำท่วมสูงนั้น ทางนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยตามแผนการดำเนินการป้องกัน การฟื้นฟู และการเยียวยาหลังสถานการณ์คลี่คลายในทุกมิติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที

โดยในหลายพื้นที่ระดับน้ำลดลงหน่วยงานจึงเร่งสำรวจและประเมินความเสียหายเพื่อฟื้นฟูซ่อมแซมบำรุงรักษาเส้นทางเพื่อประชาชนสัญจรได้อย่างสะดวกปลอดภัยโดยเร็ว สำหรับพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังให้เร่งระบายน้ำโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงช่วยขนย้ายประชาชนและสิ่งของไปยังพื้นที่ปลอดภัยเพื่อลดการสูญเสียและช่วยล้างทำความสะอาดเก็บกวาดบ้านเรือน วัด และโรงเรียน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์และผลกระทบจากพายุ “ไลออนร็อก” ในพื้นที่เสี่ยงภัยที่คาดกว่าจะเกิดท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก พร้อมติดตามข้อมูลปริมาณและทิศทางน้ำอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งวางแผนการดำเนินงานและการบริหารจัดการเส้นทางเลี่ยง จัดเตรียมเครื่องจักรอุปกรณ์พร้อมใช้งานทันที และรายงานผลการดำเนินงานมายังกระทรวงฯ รับทราบทุกวัน และให้ประชาสัมพันธ์การดำเนินการไปยังสื่อมวลชนและประชาชนให้รับทราบด้วย

สำหรับสถานการณ์ประจำวันที่ 9 ตุลาคม 64 เวลา 13.30 น. พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ และสะพานชำรุด จำนวน 11 จังหวัด ( 26 สายทาง 50 แห่ง) โดยทางหลวงในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ได้แก่ 1) จ.ขอนแก่น 2) จ.นนทบุรี 3) จ.สระบุรี 4) จ.อ่างทอง 5) จ.ลพบุรี 6) จ.พระนครศรีอยุธยา 7) จ.สุพรรณบุรี 8) จ.นครสวรรค์
โดยทางหลวงที่มีระดับน้ำสูงได้แก่ ทล. 2 ท่าพระ – ขอนแก่น ระดับน้ำสูง 260 ซม. – ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ระดับน้ำสูง 155 ซม. ทล.309 บางเสด็จ-แยกที่ดิน ระดับน้ำสูง 230 ซม. ทล 3263 อยุธยา–ไผ่กองดิน ระดับน้ำสูง 180 ซม. และ ทล.340 สาลี-สุพรรณ ระดับน้ำสูง 125 ซม. ซึ่งมีการจราจรผ่านไม่ได้ 22 แห่ง ดังนี้
◾️1. จ.ขอนแก่น (การจราจรผ่านไม่ได้ 5 แห่ง)

  • ทล. 2 ท่าพระ – ขอนแก่น ช่วง กม.ที่ 329+913 (จุดกลับรถใต้สะพานกุดกว้าง) ระดับน้ำสูง 260 ซม.
  • ทล. 12 ขอนแก่น – พรหมนิมิตร ช่วง กม.ที่ 565+600 (จุดกลับรถใต้สะพานข้ามลำน้ำพอง) ระดับน้ำสูง 40 ซม.
  • ทล. 2065 พล – ลำชี ช่วง กม.ที่ 33+625 น้ำกัดเซาะคันทางสไลด์
  • ทล. 2065 พล – ลำชี ช่วง กม.ที่ 33+785 น้ำกัดเซาะคันทางสไลด์
  • ทล. 2131 บ้านสะอาด – เหล่านางงาม ช่วง กม.ที่ 6+800 – 8+500 ระดับน้ำสูง 80 -90 ซม. ใช้ทางเลี่ยงทางหลวง
    หมายเลข 2062 บ้านทุ่ม-มัญจาคีรี กม.0 ไปออกทางหลวงหมายเลข 12 บ้านฝาง-ขอนแก่น กม.540 เข้าเมืองขอนแก่น
    ◾️2. จ.นนทบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 3 แห่ง)
  • ทล. 302 สะพานพระนั่งเกล้า-ต่างระดับบางใหญ่ ช่วง กม.ที่ 16+950 ระดับน้ำสูง 20-25 ซม. ใช้จุดกลับรถต่างระดับ
    บางใหญ่ที่ กม.18+500 แทน
  • ทล. 302 สะพานพระนั่งเกล้า-ต่างระดับบางใหญ่ ช่วง กม.ที่ 17+000 ระดับน้ำสูง 20-25 ซม. ใช้จุดกลับรถใต้สะพาน
    คลองบางไผ่ที่ กม.16+600 แทน
  • ทล. 307 แยกสวนสมเด็จ-สะพานนนทบุรี ช่วง กม.ที่ 0+942 (จุดกลับรถใต้สะพานนนทบุรี) ระดับน้ำสูง 70 ซม.
    ใช้จุดกลับรถด้านหน้าแทน
    ◾️3. จ.สระบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)
  • ทล.3034 หน้าพระลาน-บ้านครัว ช่วง กม.ที่ 13+500-15+800 เป็นช่วงๆ ระดับน้ำสูง 20 ซม.
    ◾️4. จ.อ่างทอง (การจราจรผ่านไม่ได้ 5 แห่ง)
  • ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 32+607 (จุดกลับรถคลองกะท่อ) ระดับน้ำสูง 155 ซม.
  • ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 33+200 (จุดกลับรถใต้ท่อ Box Cul.) ระดับน้ำสูง 85 ซม.
  • ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 39+843 (จุดกลับรถวัดดอกไม้) ระดับน้ำสูง 50 ซม.
  • ทล.33 นาคู-ป่าโมก ช่วง กม.ที่ 36+200-36+400 (สี่แยกไฟแดงป่าโมก) ระดับน้ำสูง 10 ซม.
  • ทล.309 บางเสด็จ-แยกที่ดิน ช่วง กม.ที่ 52+200-53+000 (จุดกลับรถบางศาลา) ระดับน้ำสูง 230 ซม.
    ◾️ 5. จ.ลพบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)
  • ทล.3024 บ้านหมี่ – เขาช่องลม ช่วง กม.ที่ 5+600 -7+300 ระดับน้ำสูง 40 ซม. ใช้ทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
    ◾️ 6. จ.พระนครศรีอยุธยา (การจราจรผ่านไม่ได้ 3 แห่ง)
  • ทล. 347 บางกระสั้น – บางปะหัน ช่วง กม.ที่ 40+860 (จุดกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา) ระดับน้ำสูง 50 ซม.
    ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
  • ทล. 3263 อยุธยา – ไผ่กองดิน ช่วง กม.ที่ 10+940 (จุดกลับรถใต้สะพานสีกุก) ระดับน้ำสูง 180 ซม. ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
  • ทล. 3263 อยุธยา – ไผ่กองดิน ช่วง กม.ที่ 11+100 (จุดกลับรถใต้สะพานสีกุก) ระดับน้ำสูง 180 ซม. ใช้ทางกลับรถ
    ข้างหน้าแทน
    ◾️ 7 จ.สุพรรณบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 2 แห่ง)
  • ทล. 33 สุพรรณบุรี – นาคู ช่วง กม.ที่ 9+886 (สะพานคลองทับน้ำ) ระดับน้ำสูง 80 ซม. ใช้ทางกลับรถ
    ข้างหน้าแทน
  • ทล. 340 สาลี – สุพรรณบุรี กม.ที่ 59+674 (สะพานศาลเจ้าแม่ทับทิม) ระดับน้ำสูง 125 ซม. ใช้ทางกลับรถ
    ข้างหน้าแทน
    ◾️ 8. จ.นครสวรรค์ (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)
  • ทล. 1 บ้านหว้า – วังไผ่ ช่วง กม.ที่ 339+600 (จุดกลับรถใต้สะพานเดชาติวงศ์) ระดับน้ำสูง 65 ซม. ใช้ทางกลับรถ
    ข้างหน้าแทน

◾️9. จ.ระนอง (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)

  • ทล.4 เลียบญวณ-กระบุรี ช่วง กม.ที่ 588-100 มีดินสไลด์ การจราจรผ่านไม่ได้ใช้ทางเลี่ยงบ้านหินช้าง-เขานางหงส์แทน

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางหลวงเดินทางด้วยความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย พร้อมปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และหากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางได้ที่ทวิตเตอร์กรมทางหลวง @prdoh1