น้ำมันที่ว่าแพง!ยังไม่แรงสู้“สงครามตัดราคา”มะเร็งร้ายขนส่งไทย!

0
218

30 เม.ย.นี้เป็นอันสิ้นสุดกันทีไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนที่รัฐบาลจะอุ้มอีกหรือไม่ เพราะเท่านี้ก็ไปกู้มาอุ้มจนหมดตูดแถมติดลบบานเบอะกุ้มใจไม่มี ล.ลิงแล้วสำหรับมาตรการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ดีเดย์ 1 พ.ค.นี้เป็นต้นไปได้เวลารัฐบาลลุงตู่ปลดล็อคเกียร์มือเลิกแล้วลุงเลิกอุ้มแล้วต่อไปปล่อยให้ลอยตัวจะขึ้น-ลงก็ขอให้เป็นไปตามกลไกลราคาตลาดโลก

และก็แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งแล้วว่าแนวทางการปรับขึ้นราคาดีเซลคงไม่ปรับขึ้นพรุ่งพรวดเดียวชนิดร้องจ๊ากทั้งประเทศ แต่จะเป็นการทยอยปรับขึ้นชนิดเจ็บแสบนิดๆสะกิดแผลใจหน่อย เพราะจากมติกบง.เช้านี้(28เม.ย.65)กดไฟเขียว 1 พ.ค.นี้ปรับขึ้นราคาดีเซลทันที 32 บาท/ลิตร จากนั้นจะทยอยปรับขึ้นตามราคาตลาดโลกทุก 7 วันครั้งละไม่เกิน 1 บาท/ลิตร โดยจะตรึงไม่ให้เกิน 35 บาท/ลิตร

ส่วนทิศทางลมมาตรการการช่วยเหลือจากภาครัฐจะออกมาอย่างไรนั้นยังไม่แน่ชัดต้องจับตาต่อไป กับข่าวที่ปล่อยมาก่อนหน้านี้ส่วนต่างราคาที่เกินจากราคา 30 บาท/ลิตรภาครัฐจะงัดเงินกองทุนฯมาอุดหนุนแค่ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งประชาชนก็ต้องจ่ายเพิ่มเอาเองนั้นก็ต้องรอดูรายละเอียดความชัดเจนต่อไป

นั่นเป็นขยักแรกการปรับราคาน้ำมันดีเซล แต่ถัดจากนั้นไปอย่าลืมว่า 20 พ.ค.นี้ก็จะครบกำหนดมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาท นั่นหมายความเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยสาวกดีเซลว่าการขยับปรับขึ้นราคาดีเซลอาจตามมาหลอนอีกขยักหนึ่ง

ม็อบสิบล้อ…ขู่!ปรับขึ้นค่าขนส่งทันที 20%

ขณะที่กองทัพงูเง่า…เย้ย!สิบล้อนำทัพโดยสมาพันธ์ฯ-สมาคมฯขนส่งต่างๆที่เคยร่วมทัพจับศึกรวมพลม็อบสิบล้อลงถนนเรียกร้องพลางกดดันให้ภาครัฐตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 25 บาท/ลิตรมาก่อนหน้านี้ เมื่อวาน(27เม.ย.65)ยกทัพบุกทำเนียบยื่นหนังสือถึงนายกฯลุงตู่ สาระสำคัญยืนกระต่ายขาเดียวคัดค้านการยกเลิกตรึงราคาดีเซลลิตรละ 30บ./ล.โดยขอให้คงมาตรการนี้ออกไปก่อนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต้นทุนภาคขนส่งและค่าครองชีพประชาชน

ย้ำหัวตะปูความจริงจังด้วยว่า 1 พ.ค.นี้หากรัฐบาลประกาศลอยตัวดีเซล พลพรรคสิบล้อขู่ปรับขึ้นราคาค่าขนส่งเมย์เดย์&ดีเดย์ทันที 20% ซึ่งแน่นอนว่าหากมีการปรับค่าขนส่งปรับขึ้นประมาณ 15-20% ย่อมส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งสินค้าสำเร็จรูป รวมถึงส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อสูง และสารพัดสินค้าทั่วไปตบเท้ารอปรับราคาขึ้นเป็นขบวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนที่ซวยที่สุดของแจ้ก็คือประชาชน-มนุษย์เงินเดือน-แรงงานที่รายได้ต่อเดือนเท่าเดิม

แต่ค่าครองชีพดันพุ่งสูงปรี๊ด!เป็นอย่างงี้…ก็ตายหยังเขียดสถานเดียว!

น้ำมันที่ว่าแพง ยังไม่สู้แรง“สงครามตัดราคา”

แม้ภาวะวิกฤติน้ำมันแพ๊ง!หลายคนอาจมองว่าเป็นการเผชิญภาวะยากลำลากช่วงระยะเวลาสั้นๆไม่เรื้อรัง(แต่นี่ก็นานแล้วนะตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว)หากสถานการณ์โลกคลี่คลาย-ปัจจัยลบต่อการผันผวนราคาน้ำมันตลาดโลกกลับกลายเป็นบวก ภาวะวิกฤติน้ำมันก็จะเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อถึงเวลานั้นเหล่า people ก็พอจะลืมตาอ้าปากได้บ้างแล้ว

ทว่า ก็ยังไม่แรงสู้สงครามตัดราคาค่าขนส่งที่หลายมองว่าเป็นมะเร็งร้ายรุมเกาะกินกลไกราคา-ห่วงโซ่คุณค่าการเติบโตภาคขนส่งไทยรายปลาซิวปลาสร้อยจนผอมเกร็งกระจายเหลือแต่ก้างเหลือแต่กระดูก คงมีแต่ปลาตัวใหญ่ไทยเทศทุนหนาสายป่านยาวเท่านั้นที่ยังคงเกรียงไกรกระจุกอิ่มหมีพีมัน

ซึ่งปัญหาตัดราคาค่าขนส่งที่นับวันยิ่งเล่นใหญ่ไฟกะพริบ กลายเป็นปัญหาเรื้อรังซุกอยู่ใต้พรมที่ไม่รู้ว่าจะพึ่งใบบุญใคร-หน่วยงานไหนมาช่วยแก้ไขปัญหา-ควบคุมตรวจสอบให้เป็นระบบมาตรฐานภายใต้ระเบียบ-ข้อบังคับที่ควรจะเป็น ว่ากันว่าร้ายไม่ร้ายแรงไม่แรงส่งผลกระทบหนักจนผู้ประกอบการหลายรายเริ่มท้อและเลิกคิดเลิกฝันลมๆแล้งๆว่าจะสามารถพลิกชีวิตให้ฟื้นตัวจากธุรกิจขนส่งนี้ได้

ถูก-คุณภาพ-บริการดี ยัง…แพ้ภัยสงครามตัดราคาต่ำกว่าต้นทุน

คงพอจำกันได้เป็นข่าวช็อคแวดวงส่งด่วน-อีคอมเมิร์ซ-ธุรกิจออนไลน์เมื่อปี 2019 หลังบริษัทส่งพัสดุด่วนต่างชาติรายหนึ่งไปต่อไม่ไหวประกาศโบกมือลากิจการในไทยพร้อมบอกเลิกจ้างพนักงานทั้งหมดหลังเผชิญภาวะ“แข่งขันสูง-สงครามตัดราคา-ขาดทุนสะสม”แม้เฮือกสุดแก้เกมด้วยการระดมทุนแต่ก็ต้านไม่ไหวถึงครา…โบกมือบ๊ายบายไทยแลนด์ไปในที่สุด!

เป็นธรรมดาโลกการค้าการลงทุนที่เค้กก้อนโตทางการตลาดขนาดมหึมานี้มันช่างโชยกลิ่นหอมหวานกวักมือเรียกผู้เล่นหน้าใหม่ทั้งไทยและเทศกระโจนเข้าร่วมชิงเค้กกันเป็นว่าเล่น ผู้เล่นหน้าเก่าผสมโรงหน้าใหม่ต่างก็งัดกลยุทธ์การตลาดเพื่อมัดใจลูกค้าเลือกใช้บริการ เมื่อผู้เล่นในตลาดแทบล้นทะลักมันหนีไม่พ้น“กลเกมตัดราคา”ออกมาป่วน“กลไกตลาด”ให้บิดเบี้ยวเสียรูปเสียทรง

หวานปากปลาใหญ่สวาปามปลาเล็ก

รายใหญ่ทั้งพันธุ์ไทยแท้ไทยผสมยันกลายพันธุ์ไทยในร่างทรง“นอมินี” หรือบิ๊กเบิ้มต่างชาติทุนหนาขนหน้าแข้งไม่ร่วงพร้อมเดินหน้าท้าชนใน“กลเกมราคา”ลุยระดมทุนไม่อั้นทุบตลาด-คู่แข่งกระจุยกระจายหวังเสกแบรนด์ตัวเองให้โดดเด่นพุ่งชนเป้าหมายเฉิดฉาย&สบายใจเฉิบในตลาดหลักทรัพย์ แต่รายขนาดกลาง-เล็กไม่ต่างอะไรกับปลาซิวปลาสร้อยนี่สิ…จะพากันกอดคอ“สู่ขิต”หายหงส์ตายห่านเกลี้ยงตลาด เพราะต้านไม่ไหวกับสงครามตัดราคา

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ชั้น7ของผู้บริโภคเปิดทางเลือกได้เสพสุขกันเอิบอิ่ม ทว่า หากมองในแง่มุมกลไกตลาดมันกลับบิดเบี้ยวดิ่งนรกอเวจีตีตรา“ราคาถูก”มาก่อน“คุณภาพบริการ”ที่ดี(ซะงั้น)!แล้วมาตรฐาน-เอกภาพตลาดที่ยั่งยืนล่ะมันอยู่พิกัดไหนเวทีโลกการค้า?

สะท้อนชัดว่าถูกจัดอันดับสูงสุดเรื่องคุณภาพบริการดี แต่ก็แพ้ภัยสงครามตัดราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน ผู้เล่นในสนามส่วนใหญ่แล้วยังขาดทุนและใช้วิธีแก้ไขการขาดทุนด้วยกลยุทธ์ที่คลาสสิคไม่ต่างกัน คือการระดมทุน คงเหลือแต่รายใหญ่ไทย-เทศทุนหนาสายป่านยาวเท่านั้นถึงจะอยู่รอด ส่วนปลาซิวปลาสร้อยนับรอลาโลง แล้วใครจะเป็นเหยื่อสงครามตัดราคา…รายต่อไป?

ฤา?…สงครามตัดราคา“ระเบิดเวลา”ขนส่งไทย

วกมาที่แวดวงขนส่งด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ชะตากรรม&วงจรการแข่งขันอัปยศก็ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะสายตู้-สายก่อสร้าง-สายพืชเกษตร-ปิโตรเคมีฯก็ล้วนต้องถูกดึงเข้าสู่เกมการแข่งขัน “สงครามตัดราคา”ด้วยกันทั้งนั้น เข้าอีหรอบ“ปลาใหญ่กินปลาเล็ก”ผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งไทยเทศทุนหนาสายป่านยาว-สายสัมพันธ์ระดับ Super Connection ยังถือครองความได้เปรียบเพราะมีไพ่ที่เหนือกว่าในกำมือ

ส่วนรายเล็กรายย่อยก็เป็นแค่ “ลูกไก่ในกำมือ”ของรายใหญ่ในตลาด ถึงกระนั้น บรรดารายย่อยต่างก็ดิ้นรนสู้ยิบตาทุกช่องทางเพื่อให้อยู่รอดในภาวะถูกบีบรัดรอบทิศทางนี้ สังเกตได้จากการรวมตัวกันตั้งกลุ่มก้อนรับงานโดยอาศัยสื่อสังคมโซเชียลเป็นตัวกลางสร้างเอกภาพในการรับงาน-แบ่งงานขนส่งอิสระภายใต้เพดานราคาค่าขนส่งที่รับได้ของสมาชิกในกลุ่ม

แต่ก็อย่างว่านั้นแหล่ะ กลุ่มก้อนรับงานลักษณะนี้ไม่ใช่มีแค่กลุ่มเดียวยังมีอีกหลายกลุ่มที่ผนึกกำลังก่อตัวขึ้นมารับงานเบ่งบานยังกับดอกเห็ด มันเป็นธรรมดาที่ใดมีการแข่งขันมากกว่า 2 รายขึ้นไปก็ย่อมก็ยังมีการงัดทีเด็ดเพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด หนีไม่พ้นสงครามตัดราคา-เตะตัดขา-เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด-คมเฉือนคมของคนในกลุ่ม หรือแม้แต่ระหว่างกลุ่ม

ว่ากันว่าบางงานขนส่งพ่วง18-22 ล้อยังดั้มราคาสู้กันยังกะราคาขนส่งรถ6ล้อก็ยังมีให้เห็นถมเถไปแหล่ะคุณโยม!

มันกลายเป็นว่ามิติการแข่งขันที่เพี้ยนและบิดเบี้ยวในกลไกการแข่งขันที่ยึดราคามากกว่าคุณภาพบริการ เป็นการสร้างนิสัยการซื้อที่ผิดให้กับลูกค้าแทนที่จะเลือกเพราะคุณภาพ(คุณค่า)กลับกลายเป็นเลือกเพราะผลประโยชน์(ราคาถูกกว่า) แล้วมาตรฐานการแข่งขัน-เอกภาพตลาดที่ยั่งยืนมันอยู่ที่ไหน?

ดังฉะนั้น ภาวะวิกฤติพลังงานที่ว่าร้าย-แรง ยังต้องแพ้แรง“สงครามตัดราคาค่าขนส่ง”ที่ก่อตัวเป็น“มะเร็งร้าย”รุมเกาะกินวงล้อขนส่งและห่วงโซ่ธุรกิจขนส่งไทยจนไม่เหลือซากก็เป็นได้

…หากยังปล่อยให้ “สงครามตัดราคา”มีอิทธิพลอยู่เหนือกลไกตลาดที่ควรจะเป็น!