“ฮีโน่” ส่งมอบ HINO Hybrid ให้ขสมก.ทดลองวิ่ง 7 สายทาง

0
491

ค่ายรถใหญ่ฮีโน่ได้ฤกษ์ส่งมอบ รถโดยสารปรับอากาศชานต่ำระบบดีเซล-ไฟฟ้า หรือ Hybrid ให้ขสมก.ได้ทดลองวิ่งบริการประชาชนใน 7 เส้นทางเดินรถ ชี้มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 3.5 กม./ลิตร ประหยัดกว่ารถโดยสารระบบดีเซล 2 เท่า มีปริมาณการปล่อยมลพิษจากไอเสีย (CO2) 76,926 กก./ปี ต่ำกว่ารถโดยสารระบบดีเซล 48.56 %

ส่งมอบถึงมือขสมก.เป็นที่เรียบร้อยสำหรับรถโดยสารชานต่ำระบบดีเซล -ไฟฟ้า หรือ Hybrid ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างขสมก. บริษัท ฮีโน่มอเตอร์เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และและองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น  (JICA) โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เป็นประธานส่งมอบ ณ สำนักงานใหญ่ ขสมก.

เป็นที่ทราบกันดีว่านับวันมลพิษ-มลภาวะในเมืองกรุงบ้านเราสาหัสสากรรจ์ขึ้นทุกปี เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันลดการปล่อยมลพิษต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมลพิษทางไอเสีย(CO2)จากยานยนต์ต่างๆที่ถูกปล่อยออกสู่อากาศแต่ละวัน

ขณะที่ภาคขนส่งโดยเฉพาะขสมก.ที่ปัจจุบันมีรถโดยสารประจำทางวิ่งให้บริการประชาชน จำนวน 2,674 คัน รถโดยสารส่วนใหญ่ใช้ระบบเครื่องยนต์ดีเซล นั่นหมายความว่าย่อมทำให้มีต้นทุนการเดินรถและค่ามลพิษทางไอเสีย (CO2) ค่อนข้างสูง

ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการนำรถโดยสารชาน HINO Hybrid จำนวน 1 คัน มาทดลองวิ่งให้บริการประชาชนในเส้นทางเดินรถของ ขสมก.เป็นระยะเวลา 4 เดือนตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กันยายน 2561 ใน 7 เส้นทางการเดินรถ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงาน และสมรรถภาพของรถโดยสารโดยเก็บค่าโดยสารตามอัตราปกติ

หลังเสร็จสิ้นการทดลองแล้ว บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ยินดีโอนกรรมสิทธิ์รถโดยสารคันดังกล่าวให้กับ ขสมก.เพื่อนำไปวิ่งให้บริการประชาชนในระยะยาวต่อไป

ทั้งนี้ รถโดยสารปรับอากาศชานต่ำยี่ห้อฮีโน่ ระบบดีเซลและไฟฟ้า (Hybrid) คันที่นำมาทดลองวิ่งนี้ เป็นรถที่ผลิตและประกอบภายในประเทศไทย ขนาด 12 เมตร 35 ที่นั่ง เครื่องยนต์ขนาด 250 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลและมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 90 กิโลวัตต์ สามารถประจุไฟได้เองโดยไม่ต้องพึ่งสถานีประจุไฟฟ้า อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และปริมาณการปล่อยมลพิษจากไอเสีย (CO2)

เมื่อเปรียบเทียบกับรถโดยสารระบบดีเซล พบว่ามีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 3.5 กิโลเมตร/ลิตร ประหยัดกว่ารถโดยสารระบบดีเซล 2 เท่า มีปริมาณการปล่อยมลพิษจากไอเสีย (CO2) 76,926 กิโลกรัม/ปี ต่ำกว่ารถโดยสารระบบดีเซล 48.56 %

ก็ได้แต่หวังว่าคงไม่สิ้นสุดแค่การทดลองวิ่งเท่านั้น ภาครัฐเองต้องต่อยอดให้มีรถโดยสารเครื่องยนต์ดีเซล-ไฟฟ้า หรือ Hybrid หรือแม่พัฒนาสู่รถโดยสารพลังานไฟฟ้า 100 % ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมากกว่านโยบายหรือโครงการ “ไฟไหม้ฟาง”สิ้นสุดโครงการ “เงียบเป็นเป่าสากฝังครก”

….ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรนะครับพระเดชพระคุณท่าน!