รมว.ยุติธรรมโชว์ยึดทรัพย์ยาเสพติด ปี 65 กว่า 10,000 ล้าน!

0
82

“สมศักดิ์” รมว.ยุติธรรม แถลงผลงานปราบยาเสพติด ยึดทรัพย์ ปี 65 ได้ 10,820 ล้านบาท ตั้งเป้าปีหน้าอายัดทรัพย์ 1 แสนล้านบาท มั่นใจทำได้แน่นอน ยกตัวอย่างเครือข่าย “บัวจันทร์” มีมูลค่าถึง 93,000 ล้านบาท แจงยาบ้าถูก เพราะเครื่องผลิตได้วันละ 280 ล้านเม็ด ต้นทุนเพียงเม็ดละ 50 สตางค์ “วิชัย” พร้อมขับเคลื่อนเป้าหมายปีหน้า ขณะที่ “พล.ต.ต.บรรพต” คิด “บล็อกเชน-คริปโตเคอเรนซี่” เพิ่มช่องทางแจ้งเบาะแส แบบไม่เผยตัวตน เพื่อความปลอดภัย

เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 เมื่อเวลา 13.00 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประจำปี 2565 โดยมี Mr.Jeremy Douglas  ผู้แทน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก Mr.Christopher Cantrell ประธานกลุ่ม FANC  Mr.Nicholas j. Wills ผู้แทน DEA ว่าที่ ร.ต. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 อธิบดีกรมต่างๆ และข้าราชการ เข้าร่วมงาน

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า สังคมเกิดคำถามบ่อยครั้งว่า ปัญหายาเสพติดระบาดมากขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามยอดนิยม ตนจึงขอชี้แจงว่า สาเหตุที่ยาเสพติดมีจำนวนมากขึ้น เพราะเทคโนโลยีของขบวนการค้ายาเสพติด มีความทันสมัยมากขึ้น อย่างในอดีต 1 เครื่อง สามารถผลิตยาบ้าได้ วันละ 64,800 เม็ด แต่ปัจจุบันสามารถผลิตได้วันละ 4 ล้านเม็ด ซึ่งในรอบประเทศมีกลุ่มผู้ค้ายาถึง 7 กลุ่ม จะทำให้กำลังผลิตมีถึงวันละ 280 ล้านเม็ด จึงทำให้มียาเสพติดเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และมีต้นทุนที่ต่ำอยู่ที่เม็ดละ 50 สตางค์ ทำให้เมื่อขนส่งมาขายในไทยจะอยู่ที่ราคา 10-15 บาทเท่านั้น

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหายาเสพติด ตนได้กำลังใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ท่านได้มอบนโยบาย ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง 2 เดือนแรก จึงเดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติด ด้วยการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 24 ฉบับ มาเป็นฉบับเดียว คือ ประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลบังคับใช้ 9 ธ.ค. 2564 โดยจะเน้นอายัดทรัพย์ เพราะในอดีต เราอายัดทรัพย์ได้มาก แต่ยึดทรัพย์จริงๆได้น้อย อย่างปี 2557 สามารถอายัดได้ 1,360 ล้านบาท แต่ยึดทรัพย์จริงได้เพียง 14 ล้านบาท ในขณะที่ยาเสพติดที่ออกจากสามเหลี่ยมทองคำ มีมูลค่าถึง 2 ล้านล้านบาท

“ผมจึงรีบแก้ปัญหา เพราะมูลค่ายาเสพติดสูงกว่าหลายเท่าตัวที่เราสามารถยึดได้ ซึ่งถ้าเราไม่ปรับ ก็จะโดนยาเสพติดเหยียบตายแน่นอน ดังนั้น เมื่อมีกฎหมายใหม่ ที่สามารถยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ถึง 10 ปี ทำให้ปี 2565 เราสามารถบูรณาการยึดอายัดทรัพย์ของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดได้ถึง 10,820 ล้านบาท และผมมั่นใจว่า จากนี้จะสามารถยึดทรัพย์ได้มากขึ้นอีก” รมว.ยุติธรรม กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2566 ตนได้ตั้งเป้าหมายยึดทรัพย์ไว้ที่ 1 แสนล้านบาท เพราะในอดีตกฎหมายเก่า ทำให้มีหลายบัญชีหลุดคดีไป เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ แต่เมื่อมีกฎหมายใหม่ ทำให้มีหน่วยงานเข้ามาช่วยตรวจสอบย้อนหลังมากขึ้น อย่าง กรณี “บัวจันทร์ ขาวอินทร์” ที่เป็นบัญชีม้า มีการโอนไปบัญชีปลายทาง 4,971 บัญชี ป.ป.ส. สามารถอายัดเงินได้ 287 บัญชี เป็นเงิน 372 ล้านบาท โดยสิ่งที่สำคัญคือ กลุ่มเครือข่ายนี้ มีบุคคลเหมือน “บัวจันทร์ ขาวอินทร์” ถึง 250 บัญชี หากคูณกับทรัพย์ที่ยึดได้ ก็จะเป็นเงิน 93,000 ล้านบาท ซึ่งแค่เครือข่ายเดียว ทำให้เป้าหมาย 1 แสนล้านบาทนั้น ไม่เกินความจริง และไม่เป็นเรื่องยาก โดยตนจะอยู่ในตำแหน่งดูการขับเคลื่อนถึง 2 ไตรมาส หากทำไม่ได้ ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การแจ้งเบาะแสยาเสพติด 1386 เพื่อรับรางวัลนำจับ 5% จากข้อมูลพบว่า มีคนแจ้งเพียง 16,000 หมู่บ้าน จาก 8 หมู่บ้านทั่วประเทศ ตนจึงอยากเชิญชวนให้ช่วยกันแจ้งมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่บอกว่า ชุมชนของตนเองมียาเสพติดมาก ก็ขอให้แจ้งมา ส่วนที่มีข้อกังวัลเรื่องความปลอดภัย ตนก็ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปคิดรูปแบบให้คนแจ้งเบาะแสได้รับความปลอดภัยมากขึ้นแล้ว ซึ่งเชื่อว่า ก็จะไม่มีเจ้าหน้าที่ นำข้อมูลคนแจ้ง ไปบอกผู้ค้ายาเสพติดแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่เอง ก็มีรางวัลนำจับถึง 25 %

ขณะที่ นายวิชัย กล่าวว่า การป้องกันยาเสพติด จากแหล่งผลิตรอบประเทศ เราได้มีการประสานประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง เมียนมา และลาว เป็นหลัก โดยจะเห็นได้ว่า ทำให้มีการจับกุมผ่านเมียนมาได้จำนวนมากขึ้น รวมถึงยังได้มีการบูรณาการร่วมกับทหาร ทั้งทางเรือ น้ำ อากาศ  และตำรวจ เพื่อช่วยเฝ้าระวังการลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ ส่วนในเรื่องของการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ คือ กระทรวงสาธารณสุข ที่มีงบประมาณ และบุคลากรทางการแพทย์ครบถ้วน ส่วนกระทรวงยุติธรรม มีภารกิจหลักในการปราบปรามยาเสพติด ด้วยการอายัดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งปีนี้ เราก็สามารถทำได้ตามเป้าหมาย 1 หมื่นล้านบาทแล้ว ส่วนเป้าหมายปีหน้า 1 แสนล้านบาท ก็พร้อมขับเคลื่อนอย่างเต็มที่

ส่วน พล.ต.ต.บรรพต กล่าวว่า เรื่องการแจ้งเบาะแสโดยไม่เปิดเผยตัวตนนั้น ตนได้ไปศึกษาเรื่องบล็อกเชน และคริปโตเคอเรนซี่ เพื่อแก้ปัญหาประชาชน ไม่กล้าแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1386 เนื่องจากห่วงเรื่องความปลอดภัย ตนจึงได้ทดลองทำเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชน แจ้งผ่านเว็บ โดยมีชั้นความลับที่สูงมาก เพราะจะมีการปกปิดไอพีแอดเดรส  ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า ใครเป็นผู้แจ้ง ซึ่งผู้แจ้งผ่านเว็บไซต์ ก็ต้องสร้างคริปโตวอลเล็ต ที่เป็นกระเป๋าตังออนไลน์ เพื่อนำวอลเล็ตแอดเดรส ไปกรอกในเว็บ เพื่อรับรางวัลนำจับ 5% โดยจะไม่มีเจ้าหน้าที่ ทราบว่า เจ้าของวอลเล็ตแอดเดรส เป็นใคร จากนั้น ผู้ได้รางวัลนำจับ ก็จะสามารถนำเหรียญไปแปลงเป็นเงินสดได้ โดยที่ไม่มีใครรู้ ซึ่งก็จะทำให้การถอนเงิน ไม่สามารถหาตัวตนคนแจ้งได้ รวมถึงได้มีการให้แฮกเกอร์สายขาว เจาะเข้าระบบ เพื่อปิดช่องโหว่ ให้เว็บไซต์มีความปลอดภัยสูงสุด โดยระบบนี้ จะสามารถใช้ได้อีก 2-3 เดือน

จากนั้น นายวิชัย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทุน มิน ลัต นักธุรกิจชาวเมียนมา ถูกทางการไทยจับกุมด้วยข้อหายาเสพติดและฟอกเงินว่า คดีนี้เป็นการจับกุมขยายผลของตำรวจนครบาล ร่วมกับ ป.ป.ส. ขยายผลจากคดีเมื่อปี 2562 คดีสมคบร่วมกันกระทำความผิด ส่วนรายละเอียดคดีต้องสอบถามกับทางตำรวจ

จากนั้นนายสมศักดิ์ ได้ร่วมรับชมกิจกรรมขายทอดตลาด พร้อมมอบทรัพย์สินให้แก่ผู้ที่ประมูลได้ อาทิ ที่ดินย่านคลองเตย รถยนต์หรู นาฬิกาหรู และทองคำรูปพรรณ ที่ ป.ส.ส.ได้ทำการยึดอายัดมาจากคดียาเสพติดกว่า 300 รายการ สำหรับการขายทอดตลาดได้แบ่งทรัพย์สินเป็นทรัพย์สินที่คดีสิ้นสุดแล้ว และทรัพย์สินที่คดียังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี แต่เป็นทรัพย์สินที่ไม่เหมาะกับการเก็บรักษา อาทิ บ้านพัก ที่ดิน รถยนต์ ทองคำ ตุ๊กตาแบร์บริค กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู เป็นต้น รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท  บรรยากาศมีผู้สนใจเข้าร่วมการขายทอดตลาดเป็นจำนวนมาก โดยนายอาทร สนธิศิริกฤตย์ ผู้ประมูลได้ที่ดินคลองเตยมูลค่า 9,800,000 บาท เปิดเผยว่า ทราบข้อมูลการขายทอดตลาดจากเว็บไซต์ของ ป.ป.ส. จึงเข้าร่วมประมูลที่ดินเพื่อนำไปลงทุนรีโนเวทและขายต่อ ซึ่งราคาที่ได้เป็นที่น่าพอใจ