ห้ามนั่งแคป-ท้ายรถกระบะ …ปมร้อนที่ยังไร้ “ทางออก”

หลังรัฐบาลโดยขนส่ง-ตร.ประกาศก้องมาตรการห้ามนั่งท้ายรถกระบะ และห้ามนั่งแคปรถกระบะ อันสืบเนื่องมาจากคำสั่งตามมาตรา 44ในการแก้ พ.ร.บ.จราจร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีข้อหาใช้รถผิดประเภท โดยเริ่มดีเดย์จับปรับอย่างจริงจังตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน

0
374

หลังรัฐบาลโดยขนส่ง-ตร.ประกาศก้องมาตรการห้ามนั่งท้ายรถกระบะ และห้ามนั่งแคปรถกระบะ อันสืบเนื่องมาจากคำสั่งตามมาตรา 44ในการแก้ พ.ร.บ.จราจร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีข้อหาใช้รถผิดประเภท โดยเริ่มดีเดย์จับปรับอย่างจริงจังตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน แต่ฉับพลันก็โดนจวกพลางด่าขรมจากทุกทิศทางจนเละเป็นโจ๊กเหตุกระทบประชาชนคนไทยเป็นวงกว้าง และได้เกิดปรากฏการณ์แอนตี้แล้วหลอมรวมเป็น “พลังที่ยิ่งใหญ่”รุมจวก วิพากษ์วิจารณ์ ล้อเลียนรัฐบาลในลักษณะต่างๆนานาบนโลกโซเซียลจนแทบจะลุกเป็นไฟ

และที่เรียกเสียงฮือฮาที่สุดใน 3 โลกก็หนีไม่พ้นกรณี “พี่หนิด-สนิท พรหมวงษ์” อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้หล่นวาทกรรมสุดคลาสสิคและไฉไลไฟกระพริบที่ว่า “แนะว่าถ้าเดินทางจำนวนมากให้เหมารถตู้ที่ถูกต้อง หรือใช้บริการขนส่งสาธารณะ”และก็ตามฟอร์มถูกเกรียนโซเซียลนำไปล้อเลียนจน “เสียหมา”

ปีศาจขนส่ง เองก็ออกอาการงงเป็นไก่ตาแตกเช่นกันว่าตรรกะนี้พี่หนิดไปร่ำเรียนมาจากที่ไหน?

ท้ายที่สุดนายกฯลงตู่ก็ออกโรงสั่งถอยมาตรการนี้ออกไปก่อนแล้วค่อยมาว่ากันอีกทีหลังสงกรานต์ และพอเปิดวาร์ปหลังสงกรานต์ก็ยังเป็นประเด็นร้อนระอุทะลุกลางปล้องหัวใจขนส่ง-สตช. ร้อนฉ่าท้าเปลวแดดต่อเนื่องเหตุยังเป็นปมคาใจประชาชนคนไทยว่ารัฐบาลจะเข้มงวดทันที หรือจะหาที่ลงอย่างใดเพื่อปรับสมดุลกับมาตรการดังกล่าว ซึ่งหลายฝ่ายแม้กระทั่ง ปิศาจขนส่ง เองก็ยังคิดและคาดการณ์ล่วงหน้าว่ารัฐบาลจะซื้อเวลาออกไปอีก เหตุอารมณ์ร้อนฉ่าไม่เห็นด้วยของประชาชนคนไทยยังคุกรุ่น อีกทั้งรัฐบาลเองก็ยังไม่คลำหากึ่งกลางไม่เจอ ผสมโรงกับห้วงเวลาที่ยังเร็วเกินไปที่ประชาชนจะปรับตัวได้

และแล้วคนใช้กระบะก็ได้เฮต่อลมหายใจไปจนถึงสิ้นปี 60 จากนั้นจะเริ่มเริ่มใช้ข้อบังคับใหม่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2561 คมนาคมชง สตช. ผ่อนผันนั่งแค็บ-ท้ายกระบะ ได้เหมือนเดิม ถึงสิ้นปี 2560 และจะเริ่มใช้ข้อบังคับใหม่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2561 ซึ่งระหว่างนี้สตช.ได้เสนอแนวทาง 3 ข้อ คือ 1.ที่นั่งแค็บรุ่นที่กว้างเพียงพอให้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัย 2 หรือ3 จุด แล้วนั่งโดยสารได้ 2.สำหรับท้ายกระบะ หากจำเป็นต้องบรรทุกคน ให้บรรทุกได้ไม่เกิน 6 คน และติดตั้งราวจับยึด หรือเข็มขัดนิรภัยเท่าที่ทำได้ 3. รถกระบะที่บรรทุกคนให้ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

หากทางกรมขนส่งยังไม่ออกกฎเกณฑ์เงื่อนไขดังกล่าวออกมา ทางตำรวจก็จะยังไม่จับปรับประชาชนที่ใช้รถผิดประเภท ซึ่งจะยังผ่อนผันไปก่อน และหากทางกรมขนส่งออกกฎเกณฑ์มา ก็คาดว่าจะนำมาบังคับใช้อย่างจริงจังในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งห้วงเวลานั้นจะมีการเดินทางกันมากอีกครั้ง

แม้จะยังไงก็ตามก็ทีเหอะวันนั้นก็ต้องมาถึง รัฐบาลจะซื้อเวลาต่อไปเรื่อยๆได้แค่ไหน ห้วงเวลาจากนี้ไปอีกประมาณครึ่งปี น่าจะเพียงพอในการประชาสัมพันธ์และให้ประชาชนเตรียมตัว อีกทั้งยังเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่ขนส่งต้องคลำหาข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ “สมดุล” รัฐบาลได้บังคับใช้กฎหมายด้วย ขณะเดียวกันประชาชนรับได้ด้วย

มิเช่นนั้นก็ยังจะกลายเป็นปมปัญหาดราม่าไม่หยุดนะคุณโยม!