เฟดเดอรัล เอ็กซ์เพรส คอร์ปอเรชั่น (FedEx Corp.) (NYSE: FDX) เปิดเผยรายงานผลกระทบทางเศรษฐกิจประจำปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทของเครือข่ายการขนส่งทั่วโลก และการขับเคลื่อนนวัตกรรมของบริษัทฯตลอดปีงบประมาณ 2568 (FY25) โดยรายงานฉบับนี้จัดทำร่วมกับบริษัท ดัน แอนด์ แบรดสตรีต (NYSE: DNB) ผู้นำด้านข้อมูลและการวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ เพื่อนำเสนอผลลัพธ์ของ “เฟดเอ็กซ์ เอฟเฟ็กต์” (FedEx Effect) หรือผลกระทบเชิงบวกที่เฟดเอ็กซ์สร้างให้กับผู้คน ธุรกิจ และชุมชนทั่วโลก
“นับเป็นเวลากว่า 50 แล้ว ที่เฟดเอ็กซ์ ได้ทำหน้าที่สำคัญในการขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศ ผ่านบริการขนส่งยุคใหม่ที่ช่วยเชื่อมโยงผู้คนและชุมชนเข้าหากัน” ราช สุบรามาเนียม ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฟดเอ็กซ์ คอร์ปอเรชั่น กล่าว “วัฒนธรรมด้านนวัตกรรมของเรา เมื่อผสานเข้ากับความทุ่มเทของทีมงานในการส่งมอบบริการที่เป็นเลิศและวิสัยทัศน์ก้าวไกล ได้กลายมาเป็นพลังที่ทำให้เครือข่ายของเราสามารถขับเคลื่อนความก้าวหน้าทั่วโลกได้อย่างเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภูมิทัศน์การค้าระหว่างประเทศและห่วงโซ่อุปทานที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”
โดยรายงานระบุว่า ในปีงบประมาณ 2568 (FY25) เฟดเอ็กซ์ ได้สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจทั่วโลก รวมมูลค่ากว่า 126 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ผลกระทบทางตรงจาก เฟดเอ็กซ์ มีจำนวนมากกว่าค่าเฉลี่ยขององค์กรที่มีพนักงานเกินกว่า 100,000 คน ถึง 1.6 เท่า จากข้อมูล Dunn & Bradstreet Data Cloud ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของเครือข่ายระดับโลกของ เฟดเอ็กซ์ และความมุ่งมั่นของบริษัทในการลงทุนในการพัฒนาการให้บริการและการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ One FedEx อย่างต่อเนื่อง
ผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
นับตั้งแต่เริ่มดำเนินงานในภูมิภาคนี้เมื่อกว่า 40 ปีที่ผ่านมา เฟดเอ็กซ์ ได้มุ่งมั่นขยายและพัฒนาเครือข่ายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนบทบาทของภูมิภาคที่กำลังที่เติบโตอย่างรวดเร็วในระบบเศรษฐกิจโลก ปัจจุบันเฟดเอ็กซ์มีพนักงานหลายหมื่นคนใน 43 ประเทศและเขตปกครอง เชื่อมโยงตลาดสำคัญในภูมิภาคเข้ากับเครือข่ายทางการค้าของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในปีงบประมาณ 2568 (FY25) เฟดเอ็กซ์ มีส่วนสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยตรงคิดเป็น 0.1% ของมูลค่าทางเศรษฐกิจในภาคการขนส่ง การเก็บรักษา และการสื่อสารของภูมิภาค และยังมีส่วนในการสร้างผลกระทบทางอ้อมให้แก่เศรษฐกิจของภูมิภาคกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมไปถึงการสร้างผลกระทบต่อภาคการขนส่ง การเก็บรักษา และการสื่อสาร กว่า 510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และต่อภาคการผลิต กว่า 484 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อรวมผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม เฟดเอ็กซ์ ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมมูลค่าประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
“เอเชียแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีพลวัตและความหลากหลายมากที่สุดในโลก” สลิล ชารี รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดและประสบการณ์ลูกค้าประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว “ประชากรกว่า 60% ของโลกอาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้ และพวกเขาล้วนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลก เฟดเอ็กซ์ เอฟเฟ็กต์ จึงมีความหมายอย่างยิ่งต่อภูมิภาคนี้ และจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต เรามุ่งมั่นยกระดับเครือข่าย การดำเนินงาน และนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานให้มีความชาญฉลาด รวดเร็ว และยั่งยืนยิ่งขึ้น ช่วยให้ลูกค้าของเราทั้งผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซรายย่อยและผู้ผลิตรายใหญ่สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง”
ผลกระทบระดับโลก
เฟดเอ็กซ์ เป็นผู้ให้บริการขนส่งด่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้บริการในกว่า 220 ประเทศและเขตปกครอง มีพนักงานมากกว่า 500,000 คน และมีศูนย์ปฏิบัติการกว่า 5,000 แห่งทั่วโลก เครือข่ายของบริษัทฯ รองรับการขนส่งพัสดุประมาณ 17 ล้านชิ้นต่อวัน รวมเป็นมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เครือข่ายระดับโลกขนาดใหญ่นี้จึงเป็นตัวกลางสำคัญในการขับเคลื่อนผลกระทบทางเศรษฐกิจของ เฟดเอ็กซ์ ในระดับโลก
ผลลัพธ์สำคัญจากรายงานผลกระทบทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของ เฟดเอ็กซ์ ประจำปีงบประมาณ 2568 (FY25) ประกอบด้วย:
การสนับสนุนการค้า: ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทานโลกและบริการศุลกากร เฟดเอ็กซ์จึง เป็นพันธมิตรสำคัญทางการค้าที่สำคัญของธุรกิจทั่วโลก โดยบริการของ เฟดเอ็กซ์ ได้เข้ามา ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานได้อย่างต่อเนื่อง และด้วยความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์กฎระเบียบและรูปแบบการค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เฟดเอ็กซ์ จึงสามารถจัดสรรเครือข่ายและขีดความสามารถในการขนส่งให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
การยกระดับการดำเนินงาน: เฟดเอ็กซ์ เสริมความแข็งแกร่งของเครือข่าย ด้วยการเปิดเส้นทางบินใหม่หลายเส้นทางทั่วภูมิภาค ทั้งการเปิดเที่ยวบินแบบไป–กลับระหว่างสิงคโปร์และสหรัฐฯ เพื่อรองรับการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโตอย่าต่อเนื่อง การเปิดเส้นทางใหม่ที่เชื่อมโยงฮับการขนส่งของเอเชียแปซิฟิกในเมืองกวางโจวไปยังกรุงบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กรุงลีแอจ ประเทศเบลเยียม และกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อยกระดับการเชื่อมโยงทั้งภายในเอเชียและระหว่างเอเชีย-ยุโรป พร้อมทั้งเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินระหว่าง จีนและสหรัฐอเมริกาอีกสองเส้นทาง ได้แก่ ชิงเต่า-เมมฟิส (ผ่านกรุงโอซากา) และเซี่ยเหมิน-แองเคอเรจ-เมมฟิส (ผ่านกรุงอินชอน) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เฟดเอ็กซ์ ได้ลงทุนในโครงการต่าง ๆ เช่น การเปิดศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่ที่เดนปาซาร์ บาหลี เพื่อสนับสนุนการส่งออกที่เร็วและเชื่อถือได้มากขึ้นผ่านทางสิงคโปร์ และการเปิดศูนย์พัสดุและขนส่งสินค้าแห่งใหม่ที่แหลมฉบัง ในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของประเทศไทย เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวของภูมิภาค
การสนับสนุนห่วงโซ่อุปทาน: ในปี 2024 ซัพพลายเออร์กว่า 90% จากทั้งหมด 100,000 รายที่ เฟดเอ็กซ์ ทำสัญญาด้วย เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งช่วยสนับสนุนการจ้างงานนับแสนตำแหน่งทั่วโลกนอกจากนี้ เฟดเอ็กซ์ ยังใช้จ่ายกับซัพพลายเออร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีเดียวกัน โดยกว่า 73% ของมูลค่าดังกล่าวเป็นการใช้จ่ายกับธุรกิจขนาดเล็ก โดยรวมแล้ว 88% ของซัพพลายเออร์ เฟดเอ็กซ์ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัท ในการสนับสนุนผู้ประกอบการในท้องถิ่นและการเพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานในระยะยาว
การพัฒนานวัตกรรมอัจฉริยะ: เฟดเอ็กซ์ ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายข้อมูลการขนส่งในอุตสาหกรรมและข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้เพื่อพัฒนาเครื่องมือและโซลูชันดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อช่วยให้การขนส่งข้ามพรมแดนมีความรวดเร็ว ชาญฉลาดและมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น บริษัทเพิ่มการใช้เครื่องมือ AI ซึ่งช่วยปรับปรุงประสบการณ์ด้านพิธีการศุลกากร ลดความล่าช้าและช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับตัวเข้ากับข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก: เฟดเอ็กซ์ ช่วยสนับสนุนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีการเติบโตและการขยายสู่ตลาดสากล ในปีงบประมาณ 2568 (FY25) บริษัทฯ ได้ขยายการให้บริการนวัตกรรมดิจิทัลหลายรายการที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการค้าระหว่างประเทศและการจัดการห่วงโซ่อุปทานระดับโลก รวมถึงการเปิดตัวเครื่องมือ FedEx Import และเครื่องมือ Collaborative Shipping Tool ให้กับลูกค้านำเข้าของ เฟดเอ็กซ์ ทุกรายในตลาดเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ เฟดเอ็กซ์ ยังได้มอบทุนสนับสนุนรวมมูลค่ากว่า 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่ผู้ประกอบการ 4 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และอินเดีย ผ่านการแข่งขันภายใต้โครงการ Small Business Grant Contest™ โดยผู้ประกอบการที่ชนะได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาภายใต้ความท้าทายในปัจจุบันทั้งด้านการรีไซเคิลแบตเตอรี่ การติดตามระดับคาร์บอน เทคโนโลยีการขับเคลื่อนดาวเทียม และความปลอดภัยในอวกาศ ซึ่งต่างมีบทบาทในการสร้างอนาคตที่เชื่อมโยงและยืดหยุ่นมากขึ้น
การดำเนินงานที่ยั่งยืน: เฟดเอ็กซ์ เดินหน้าสู่การบรรลุสถานะความเป็นกลางทางคาร์บอนตลอดการดำเนินงานภายในปี 2583 ผ่านการลงทุนอย่างต่อเนื่องในพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้ในศูนย์ปฏิบัติงานการเพิ่มการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า การใช้เชื้อเพลิงทางเลือก และการปรับปรุงฝูงบินให้ทันสมัยยิ่งขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทได้เพิ่มการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในญี่ปุ่น เกาหลี นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และประเทศไทย รวมถึงขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จในมาเลเซียและญี่ปุ่น ในเดือนมกราคม 2568 ศูนย์ปฏิบัติการประจำภูมิภาคแปซิฟิกใต้ของ เฟดเอ็กซ์ ในสิงคโปร์ได้เริ่มใช้งานแผงโซลาร์เซลล์ ที่สามารถผลิตไฟฟ้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของความต้องการไฟฟ้าทั้งหมดของศูนย์ฯ ในปีงบประมาณ 2568 เฟดเอ็กซ์ ยังริเริ่มการใช้งานน้ำมันเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) ในสเกลขนาดใหญ่แรกในสหรัฐอเมริกา โดยได้จัดหาเชื้อเพลิง SAF ผสมมากกว่า 3 ล้านแกลลอนสำหรับใช้ที่สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส (LAX) ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี
การคืนกำไรสู่ชุมชน: เฟดเอ็กซ์ มุ่งมั่นสนับสนุนชุมชนและท้องถิ่นผ่านโครงการ FedEx Cares ผ่านการบริจาคเพื่อการกุศล การทำกิจกรรมจิตอาสาของพนักงาน และการให้บริการจัดส่งทั่วโลกโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยในปีงบประมาณ 2568 บริษัทฯ ได้บริจาคเงินมากกว่า 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กรการกุศลและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร นอกจากนี้ พนักงานของ เฟดเอ็กซ์ ทั่วโลกยังมีส่วนร่วมในการทำงานอาสาสมัครมากกว่า 81,000 ชั่วโมง บริษัทยังใช้เครือข่ายระดับโลกในการส่งมอบความช่วยเหลือด้านภัยพิบัติแก่ชุมชนที่ขาดแคลนได้อย่างรวดเร็วและน่าเชื่อถือภายใต้ แคมเปญ FedEx Cares Purple Tote ประจำปี พนักงานของ เฟดเอ็กซ์ กว่า 800 คนได้มีส่วนร่วมทำงานอาสาสมัครรวมกว่า 1,000 ชั่วโมง และบริจาคสิ่งของจำเป็นรวมกว่า 3,600 กิโลกรัม ผ่านพันธมิตรองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร 20 แห่ง เพื่อส่งต่อประโยชน์แก่ผู้คนมากกว่า 1,600 คน เฟดเอ็กซ์ ยังสนับสนุนการฝึกทักษะการเป็นผู้ประกอบการให้กับเยาวชนผ่านโครงการ จูเนียร์ อะชีฟเม้นท์ (JA) ระดับภูมิภาคและ และได้ขยายโครงการ Library Program ไปยังโรงเรียนและชุมชน 40 แห่งในประเทศจีน เพื่อมอบทรัพยากรการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนและครูรวมกว่า 9,000 คน
ผลกระทบต่อประเทศไทย
เฟดเอ็กซ์ ยังมุ่งมั่นเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีบทบาทสำคัญในด้านการค้าของภูมิภาค ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องโดยบริษัทได้เปิดตัวศูนย์ปฏิบัติการพัสดุและขนส่งสินค้าแห่งใหม่ขนาด 4,900 ตารางเมตรที่แหลมฉบังภายในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของประเทศไทย เพื่อสนับสนุนธุรกิจในประเทศและรองรับความต้องการการขนส่งที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาค ศูนย์ปฏิบัติการแห่งนี้ติดตั้งระบบคัดแยกขั้นสูงที่สามารถประมวลผลพัสดุได้สูงสุดถึง 3,000 ชิ้นต่อชั่วโมง และได้รับการสนับสนุนจากคลังสินค้าขนาด 4,560 ตารางเมตรที่อยู่ติดกัน ซึ่งทำหน้าที่ให้บริการโซลูชันการขนส่งสินค้าแบบหลากหลายรูปแบบ และช่วยขยายเวลาตัดรอบสำหรับการเตรียมสินค้าส่งออกให้ยาวนานขึ้น
เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน เฟดเอ็กซ์ เพิ่มรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนสี่คันเข้าสู่กองยานพาหนะในกรุงเทพฯ และปทุมธานี เพื่อก้าวสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ ในการเดินหน้าสู่สถานะความเป็นกลางทางคาร์บอนตลอดการดำเนินงานภายในปี 2583
“ท่ามกลางภูมิทัศน์การค้าที่เปลี่ยนแปลงและห่วงโซ่อุปทานที่มีความกระจายตัวมากขึ้นทั่วเอเชีย เฟดเอ็กซ์ ยังมุ่งมั่นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการการเชื่อมต่อ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง” นายศศธร ภาสภิญโญ กรรมการผู้จัดการ เฟดเอ็กซ์ ประเทศไทย กล่าว “ประเทศไทยนั้นมีบทบาทอยู่ในแถวหน้าของการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานระลอกใหม่ของภูมิภาค การลงทุนของเราในศูนย์ปฏิบัติการและการขยายเครือข่ายของเรานั้น จึงมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถขยายธุรกิจ แข่งขัน และเติบโตข้ามพรมแดนได้อย่างมั่นใจ”






































