ปลัดฯ ณัฐพล ชูผลสำเร็จการพัฒนา “ต้นแบบแบตเตอรี่ EV จากการรีไซเคิล”

0
0

ชี้ปลดล็อกเส้นทางสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน หนุนอุตสาหกรรมไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาวิชาการ Innovation in Raw Materials Conference 2025 ในหัวข้อ “Unlocking Circular Economy Pathway ปลดล็อกเส้นทางสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน” จัดโดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิล อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีสู่การผลิตวัตถุดิบ (ทดแทน/ขั้นสูง) ในเชิงพาณิชย์ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาองค์กรควบคู่กับความยั่งยืน พร้อมถ่ายทอดความสำเร็จของนวัตกรรมและเทคโนโลยีวัตถุดิบทดแทนและวัตถุดิบขั้นสูง เดินหน้าเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการไทยด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยภายในงานมีการเปิดตัว “ต้นแบบแบตเตอรี่ EV จากการรีไซเคิล” ที่พัฒนาได้สำเร็จเป็นครั้งแรก

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มีแนวคิดหลัก คือ ลดการใช้ทรัพยากร ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์และมูลค่าเพิ่มสูงสุด ลดของเสีย ตลอดจนสร้างคุณค่าใหม่จากสิ่งที่เคยถูกมองว่าเป็นของเสีย เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดรับกับนโยบาย MIND ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งพัฒนา “อุตสาหกรรมดี อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน” ผ่านความสำเร็จ 4 มิติ ทั้งความสำเร็จทางธุรกิจ ความอยู่ดีกับสังคมโดยรวม ความลงตัวกับกติกาสากล ดูแลสิ่งแวดล้อมสู่อุตสาหกรรมสีเขียว และการกระจายรายได้สู่ชุมชน เพื่อให้ผู้ประกอบการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำตามนโยบายหลักของรัฐบาล

เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ในปีนี้ กพร. ประสบความสำเร็จในการพัฒนา “ต้นแบบแบตเตอรี่ EV จากการรีไซเคิล” ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ซึ่งจะช่วยให้ กพร. เป็น “ศูนย์การเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า” เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและการจัดการแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าใช้งานแล้ว ที่จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากหลักพันตันต่อปีเป็นหลักหมื่นตันต่อปี ภายในระยะ 5-6 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมศักยภาพแห่งอนาคต (S-Curve) ของไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำของรัฐบาล โดยงานในวันนี้ได้ปลดล็อกเส้นทางสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน

ทั้งด้านเทคโนโลยีที่พร้อมต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ และด้านการบริหารจัดการทั้งระบบที่เชื่อมโยงเครือข่ายทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน และเน้นย้ำว่าสิ่งสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียน คือ ความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ทั้งผู้ผลิต สิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจโดยรวม

นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา กพร. ได้ดำเนินการส่งเสริม พัฒนา และยกระดับผู้ประกอบการเหมืองแร่ อุตสาหกรรมพื้นฐาน และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างครบวงจร ตั้งแต่การนำทรัพยากรแร่มาใช้ประโยชน์ จนกระทั่งการจัดการผลิตภัณฑ์เมื่อหมดอายุการใช้งาน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมผู้ประกอบการให้มีการประยุกต์ใช้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนในองค์กรอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน กพร. มีเทคโนโลยีรีไซเคิลและนวัตกรรมวัตถุดิบ รวมกว่า 91 ชนิด และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้แก่ผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้ที่สนใจ เฉลี่ยกว่า 400 รายต่อปี ยกระดับความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกและเติบโตอย่างยั่งยืน

“ผลงานที่สำคัญในปีนี้ กพร. ได้ต่อยอดผลงานที่ผ่านมาจนกระทั่งประสบความสำเร็จในการพัฒนา ‘ต้นแบบแบตเตอรี่ EV จากการรีไซเคิล’ โดยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลเพื่อนำโลหะและสารประกอบโลหะในแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเสื่อมสภาพของยานยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มาเป็นสารตั้งต้น (Precursor) สำหรับผลิตแบตเตอรี่ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และได้นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่ต้นแบบชนิด NMC 622 สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก รวมถึงอุปกรณ์กักเก็บพลังงาน โดยในเบื้องต้นคาดว่าหากมีการนำเทคโนโลยีรีไซเคิลที่ได้พัฒนาขึ้นไปประยุกต์ใช้ในการรีไซเคิลซากแบตเตอรี่ EV ชนิด NMC ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันประมาณ 120 ตันต่อปี จะก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 27 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ กพร. มุ่งเน้นที่จะยกระดับงานวิจัยไปสู่การผลิตจริงในเชิงพาณิชย์ และพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ประกอบการในด้านการจัดการของเสีย การพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิล การเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบ และการใช้ประโยชน์ของเสียอุตสาหกรรม ตลอดจนผลักดันการใช้วัตถุดิบทดแทนที่ได้จากของเสียอุตสาหกรรมแบบครบวงจร” นายอดิทัตฯ กล่าว

ตัวอย่างผลงานอื่น ๆ ที่ประสบความสำเร็จของ กพร. ในปีนี้ เช่น การผลิตวัสดุดูดซับก๊าซหรือตัวเร่งปฏิกิริยาจากหินพอตเทอรี สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และการพัฒนา MOFs (Metal-Organic Frameworks) สำหรับใช้ในการดักจับและกักเก็บคาร์บอน การผลิตวัสดุฉาบผิวจากแร่โดโลไมต์ สำหรับใช้เป็นสารเติมแต่งในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ การพัฒนาต้นแบบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 4.0 ในอุตสาหกรรมพื้นฐาน เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงการปรับปรุงและพัฒนากระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า เพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ การพัฒนาและยกระดับสถานประกอบการให้มีการประยุกต์ใช้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนในองค์กร เช่น การออกแบบระบบการนำหม้อแปลงไฟฟ้ากลับเข้าสู่กระบวนการผลิตให้เสมือนใหม่ (Remanufacturing) การอัพไซเคิล (Upcycle) เศษวัสดุเหลือทิ้งในอุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นกระเป๋าอเนกประสงค์ เป็นต้น ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานทั้งหมดในปีนี้สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้ถึง 1,100 ล้านบาทต่อปี และลดคาร์บอนได้กว่า 14,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

สำหรับงานสัมมนาวิชาการ Innovation in Raw Materials Conference 2025 จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ในหัวข้อ “Unlocking Circular Economy Pathway ปลดล็อกเส้นทางสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน” โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิและสถานประกอบการที่มีการดำเนินงานที่ดีด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน การจัดแสดงนิทรรศการผลงานนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จ และการบรรยายเชิงลึกเพื่อถ่ายทอดผลงานที่สำคัญของ กพร. ทั้งด้านนวัตกรรมแร่ โลหการ และรีไซเคิล โดยได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ หน่วยงานภาคเอกชน หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานวิจัย และสถาบันการศึกษามากกว่า 200 ราย

ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการสัมมนา หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://innovation.dpim.go.th