ทำหมัน “รถบัส 2 ชั้น”ห้ามจดทะเบียนใหม่ ….ถึงคราสูญพันธุ์!

0
1951

ห้ามรถบัส 2 ชั้นจดทะเบียนใหม่

ทำหมัน…ยันสูญพันธุ์!

คล้อยหลังนายกฯลงตู่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”ออกโรงส่งการให้กรมการขนส่งทางบก โดยกระทรวงคมนาคม ให้ยกเลิการจดทะเบียนใหม่ “รถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้น” ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้น โดยดั้นเมฆอ้างเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และเหตุผลสุดคลาสสิค “รถบัส 2 ชั้น”โคตรอันตรายเกินไปที่จะปล่อยลอยนวลวิ่งบนท้องถนนเมืองไทย

แรงกระเพื่อมจากประกาศิตดังกล่าว ส่งแรงกระเพื่อมเขย่าวงการขนส่งเมืองไทยสะท้านไปถึงทรวงใน!

เมื่อส่องดูไส้ในแล้วก็พบว่ารถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้น ที่ได้จดทะเบียนและให้บริการอยู่ในปัจจุบัน จำนวน 20,000 คันนั้น กลุ่มหนึ่งมีการจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2556 และทะเบียนจะหมดในปี 2560 ขณะที่อีกส่วนทำการจดทะเบียนในปี 2558 และจะสิ้นสุดปี 2563 นั้นเท่ากับว่าภายในปี 2563 จะไม่มีรถโดยสารสาธารณะ 2 ชั้นวิ่งลอยหน้าลอยตาบนท้องถนนอีกแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นจะเป็นการปิดฉากรูดม่านตำนานรถบัส 2 ชั้นทันที

ไม่แปลกประหลาดอะไรที่ ปีศาจขนส่ง จะโปรยหัวสุดเกรียนเขย่าอารมณ์คนขนส่งว่า “ห้ามรถบัส 2 ชั้นจดทะเบียนใหม่ ทำหมัน…ยันสุญพันธุ์”!

หากจะเล่าลือตามท้องเรื่องแล้ว รถบัส 2 ชั้นได้ให้บริการผู้โดยสารชาวไทยหย่อนก้นสัมผัสมานานกว่า 20 ปี ช่วงที่พีคสุดๆเกิดปรากฎการณ์คนแห่ขึ้นรถบัส 2 ชั้นกันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นจะรถสาย(รถทัวร์)ที่วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารเข้าเมืองหลวง หรือแม้กระทั่งรถบัส 2 ขั้นที่วิ่งรับจ้างไม่ประจำทาง เพราะการได้มีโอกาสขึ้นนั่งรถบัส 2 ชั้นถูกตีความหมายว่ามันช่างอลังการยิ่งนัก เป็นรสนิยมของคนมีคลาส โก้หรู นั่งนิ่มสบาย อีกทั้งยังได้มองเห็นวิวทิวทัศน์ริมทางได้อีกด้วย ถึงขนาดหากใครไม่ได้ลองสัมผัสก็จะถูกตราหน้า “โคตรเชย”

โดยรถบัส 2 ชั้นส่วนใหญ่มักจะมีจำนวนที่นั่ง 50 ที่นั่ง (มาตรฐาน ม.4 ข) ซึ่งเป็นรถที่มีห้องน้ำบริเวณชั้นล่างของรถ แต่ของทาง บขส. จะมีแบบ 32 ที่นั่ง (มาตรฐาน ม.4 ก) และ 55 ที่นั่ง (มาตรฐาน ม.4 ค) มีจำนวนล้อ 10 ล้อ เนื่องจากการทรงตัวของรถโดยสาร โดยที่เพลาหน้า มี 2 ล้อ, เพลากลาง มี 4 ล้อ และเพลาหลังสุด มี 2 ล้อ และบางคันมีจำนวนล้อ 10 ล้อ โดยที่เพลาหน้า มี 2 ล้อ, เพลากลาง มี 4 ล้อ เพลาหลังสุด มี 4 ล้อ

แต่พอได้รับนิยมมากขึ้น รถที่ให้บริการก็ไม่พอต่อความต้องการ การแข่งขันในแวดวงขนส่งก็ทวีความดุเดือดมากขึ้นทุกวัน วันดีคืนดีเกิดมีผู้ประกอบการหัวใสนำแซชซีส์เก่าแบรนด์ญี่ปุ่นมาประกอบเป็นรถบัส 2 ชั้นแล้วติดโลโก้เป็นแบรนด์ยุโรป ประกอบกับอู่ต่อรถหน้าเงินฉกโอกาสช่วงกำลังบูมตัดต่อพันธุกรรมรถโดยปราศจากคุณภาพที่กรมฯกำหนด รถที่ออกมาวิ่งไร้มาตรฐาน

จนระยะหลังเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง และแต่ละครั้งจำนวนผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ประกอบกับปริมาณรถมากขึ้นยากที่ควบคุมคุณภาพและมาตรฐานได้ ความนิยมรถบัส 2 ชั้นที่เคยเรืองอำนาจก็ลดน้อยถอยลง มิหนำซ้ำยังถูกค่อนแคะว่าเป็น “วัตถุคว่ำง่าย” แพ้ทางโค้ง แพ้ทางลาดชั้น แพ้ภูเขา แพ้ตีนผี แพ้ความเร็วเกิน  80 กม./ชม.มีผู้เอาชีวิตไปเสี่ยงมากกว่า 50  ชีวิต กับความสูงของรถกว่า 4.20  เมตร

หากจะว่ากันไปตามเนื้อผ้าแล้ว การที่กรมฯประกาศยกเลิกห้ามจดทะเบียนใหม่ ‘รถโดยสาร 2 ชั้น’ โดยอ้างถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ก็ดูจะไม่เป็นธรรมมากนัก เพราะอุบัติที่เกิดขึ้นจะโยนบาปให้กับตัวรถก็ไม่ใช่ทั้งหมด ตัวบ่งชี้การเกิดอุบัติเหตุ ตัวเป้งอันดับแรกต้องยกให้ “คนขับ” ที่ขาดวินัยการขับที่ดี แม้รถจะดีเลิศประเสริฐศรีมากแค่ไหน แต่หากคนขับใช้วิชาตีนผีตะบี้คันเร่งซะเต็มตีน อีกทั้งยังขาดความรับผิดชอบที่ดีในฐานะ “คนขับ” ที่ต้องวินัยการขับและคำนึงถึงปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก เชื่อเหลือเกินว่าก็เกิดอุบัติขึ้นอยู่ดี

ท้ายที่สุดแล้วการเกิดิบัติเหตุที่ไม่ว่าจะเป็นรถใหญ่หรือรถเล็ก “วินัย” ของคนขับสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด หากคนขับยังไร้วินัยการขับที่ดี ประเทศไทยก็ยังถูกตราหน้าว่าเป็นประเทศที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดอันดับต้นๆของโลกอยู่ดี ดีไม่ดีอาจแซงหน้าขึ้นเบอร์หนึ่งของโลกก็เป็นไปได้ เพราะตราบใดที่ “วินัยและสันดาน”ของคนขับยังต่ำเตี้ยเช่นนี้ ต่อให้ออกสารพัดกฎอะไรออกมารายวันก็เปล่าประโยชน์สิ้นดี จริงไหมล่ะครับท่าน!