ทอท.แจงปมสัมปทาน “คิง เพาเวอร์ “ยึดหลักความถูกต้อง

0
221

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กระทรวงคมนาคม กล่าวว่าการให้สัมปทานกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในการทำสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจกรรมเชิงพาณิชย์และสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรภายในอาคารผู้โดยสารของ ทอท. ที่ผ่านมา ทอท. ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และหลักวิชาการ เช่น กรณีการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ) เป็นต้น ซึ่งการประเมินมูลค่าการลงทุนเป็นหน้าที่ของภาครัฐ โดย ทอท. ได้จ้างที่ปรึกษาประเมินมูลค่าการลงทุนทั้งสัญญาร้านค้าปลอดอากร และการประมูลกิจกรรมเชิงพาณิชย์

“จากผลการศึกษาพบว่า ทั้ง 2 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนไม่เกินหนึ่งพันล้านบาท ซึ่งการประเมินมูลค่าการลงทุนได้อิงราคาก่อสร้างของกิจการในลักษณะเดียวกัน และเมื่อภาครัฐประเมินราคาตามมาตรฐานที่ยอมรับได้ดังกล่าวแล้ว ผู้ลงทุนจะพิจารณาลงทุนจริงเป็นเท่าใดในขอบเขตงานขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ลงทุนที่จะเห็นเหมาะสมกับสภาพกิจการของตนต่อไป ทั้งนี้ หากขยายพื้นที่การประกอบการหรือต่ออายุสัญญาสัมปทาน ทอท. จะคำนวณเม็ดเงินลงทุนส่วนเพิ่มตามสัดส่วนพื้นที่ หรือระยะเวลาสัญญาเดิมกับขอบเขตพื้นที่ หรือระยะเวลาส่วนที่ขยายเพิ่มขึ้นไม่เกินวงเงินตาม พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ และ ทอท. ได้คิดค่าตอบแทนตามสัดส่วนของพื้นที่ หรือระยะเวลาที่ขยายเพิ่มเติมด้วย”

สำหรับการเปิดให้บริการจุดส่งมอบสินค้าปลอดอากรในสนามบิน (Pick up Counter) ณ ท่าอากาศยานของ ทอท. คณะกรรมการ ทอท. ในขณะนั้น นายนิตินัย กล่าวว่าได้จัดการเปิดประมูล “พื้นที่เชิงพาณิชย์” ทุกประเภทตามขอบเขตสัญญา และได้เน้นว่าต้องตั้งอยู่ภายในอาคารผู้โดยสาร ซึ่งผู้ชนะการประมูลได้เสนอข้อมูลประกอบสัญญารวม Pick Up Counter ไว้ด้วย เป็น “เงื่อนไขประกอบสัญญา” ดังนั้น ทอท. จึงต้องให้สิทธิ ผู้ชนะการประมูลเพียงรายเดียวตามข้อตกลงสัญญาภายในระยะเวลาที่กำหนด และเมื่อครบสัญญา ทอท. จะเป็นเจ้าของตามเดิม แล้วจึงเปิดประมูลใหม่เป็นระยะ ๆ ต่อไป

“เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน คณะกรรมการ ทอท. ได้เปลี่ยนรูปแบบการประมูล ซึ่งได้เริ่มดำเนินการ ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) เมื่อปี 2558 โดยแยกพื้นที่ Pick up Counter ออกจากพื้นที่เชิงพาณิชย์อย่างชัดเจน และได้กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ชนะการประมูลจะต้องอนุญาตให้ผู้ประกอบการรายอื่นสามารถใช้ Pick up Counter ได้ หรือเรียกตามสากลว่า Common Use ในส่วนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) สัญญาฉบับปัจจุบัน จะสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2563 หลังจากนั้น ทอท. จะเปิดการประมูล Pick up Counter โดยดำเนินการคล้ายกับ ทภก. แต่จะพิจารณาว่าควรจะดำเนินการในรูปแบบ Common Use หรืออาจให้มี Pick up Counter ของทุกบริษัท ซึ่งจะพิจารณารูปแบบดังกล่าวในระยะต่อไป”

ในด้านมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองและส่งผลกระทบต่อการให้บริการของ ทอท. ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) และ ทสภ. นั้น นายนิตินัย กล่าวว่าที่ผ่านมาคณะกรรมการ ทอท. ได้เห็นชอบมาตรการและให้ความช่วยเหลือหน่วยงานที่ปฏิบัติงานภายใน ทดม. และ ทสภ. ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้แก่ ผู้ประกอบการสายการบิน ผู้เช่าทุกราย ผู้ประกอบการร้านค้าและบริการ เช่น การขยายระยะเวลาและการปรับลดระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมในการขึ้น – ลงของอากาศยาน (Landing Fee) ค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน (Parking Fee) การปรับลดค่าเช่าพื้นที่และค่าธรรมเนียมการใช้บริการในอาคาร การปรับลดค่าตอบแทน และการขยายอายุสัญญา เป็นต้น ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวคณะกรรมการ ทอท. ได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม เพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทยฟื้นฟูและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ว่า จะยื่นฟ้องคณะกรรมการ ทอท. และผู้บริหาร ทอท. ต่อศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบหลายคำฟ้องในการทำสัญญาเอื้อประโยชน์กับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐเป็นจำนวนมากและได้ยื่นฟ้องไปแล้วหนึ่งคดี เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 โดยศาลได้นัดฟังคำสั่งว่ารับพิจารณาคดีและไต่สวนมูลฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2560 นั้น ทอท. ยินดีที่จะไปชี้แจงข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ หากจะต้องไต่สวนมูลฟ้องคดีในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากตลอดระยะเวลาการบริหารสัญญาที่ผ่านมา คณะกรรมการ ทอท. และผู้บริหาร มิได้กระทำการใด ๆ อันเป็นการหลีกเลี่ยง หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด ในทางกลับกัน ทอท. ได้บริหารสัญญาด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง รักษาผลประโยชน์ของรัฐและผู้ถือหุ้นตลอดมา ดังจะเห็นได้จากการที่ ทอท. เป็นรัฐวิสาหกิจในลำดับต้น ๆ ที่ผลประกอบการมีกำไรและนำส่งให้กับรัฐในอัตราที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งการนำเงินรายได้มาพัฒนาท่าอากาศยาน เพื่อให้เกิดประโยชน์และสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน