วอลโว่ทรัคส์ ได้ 2 ตัวแทน Thailand Hub คว้าตั๋วร่วมชิงชัย APAC Fuelwatch Challenge ที่สวีเดน

0
416

 

ปิดฉากรูดม่านเรียบร้อยโรงเรียนวอลโว่ทรัคส์ประเทศไทยแล้วสำหรับกิจกรรมการแข่งขัน Volvo Trucks Fuelwatch Challenge  2017 เวทีประชันทักษะขับรถใหญ่ขั้นเทพของค่ายรถใหญ่วอลโว่ ที่ปีนี้ได้แชมป์ทั้งประเภท On Road และ Off Road เป็นตัวแทน Thailand Hub เข้าร่วมแข่งขันปะทะฝีมือกับนับขับทั่วโลกในรายการ APAC Fuelwatch Challenge 2017 ที่สวีเดน ก.ย.นี้

โดยประเภท On Road ที่ใช้รถวอลโว่ทรัคส์ FH 440 ในการแข่งขัน นักขับผู้พิชิตชัย ได้แก่ นายสิทธิกร สอนสุจิตรา เจ้าของบริษัท พันธ์ทิพย์ ทราน เซอร์วิส ผู้ให้บริการขนส่งในเขตภาคกลาง ขณะที่ประเภท Off  Road ที่ใช้รถวอลโว่ทรัคส์ FMX ในการแข่งขัน ผู้คว้าแชมป์ ได้แก่  Mr. Der ตัวแทนจากบริษัท ภูเบี้ย ไมน์นิ่ง จำกัด ผู้รับสัมปทานขนแร่ในสปป.ลาว ซึ่งผู้คว้าแชมป์ทั้ง 2 ประเภทจะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนเข้าร่วมรายการ APAC Fuelwatch Challenge 2017 ที่ประเทศสวีเดน ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 กันยายนที่ประเทศสวีเดนเพื่อลุ้นเป็นตัวแทนประจำภูมิภาค เข้าชิงชัยคว้าแชมป์โลกในที่สุด

On Road และ Off Road กระหึ่มพร้อมกันครั้งแรกในไทย  

คุณกำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการวอลโว่ ทรัคส์ (ประเทศไทย)  เปิดเผยว่าการแข่งขันขับขี่ปลอดภัยและประหยัดน้ำมันที่จัดขึ้นในประเทศไทยภายใต้ชื่อ Volvo Trucks Fuelwatch Challenge 2017 ในปีนี้ เป็นครั้งแรกที่มีการจัดแข่งขันเกิดขึ้นที่ประเทศไทยครบทั้ง 2 ประเภท คือ On Road และ Off Road ซึ่งได้ตัวแทนทั้ง 2 ประเภทเข้าร่วมแข่งขันในรายการ APAC FuelWatch Challenge 2017 ที่จะจัดขึ้นในประเทศสวีเดนในเดือนกันยายนนี้ และหากสามารถผ่านการคัดเลือกในรายการนี้ก็จะได้สิทธิ์เข้าร่วมชิงชัยในรายการ Global Fuelwatch Challenge 2017 ที่ประเทศสวีเดน เช่นกัน ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของนักขับรถวอลโว่ ทรัคส์

 “การแข่งขัน Fuelwatch Challenge ปีนี้ เราจัดขึ้นเป็นปีที่ 8 ติดต่อกันแล้ว เราให้ความสำคัญกับการแข่งขันรายการนี้มาก เพราะจะเป็นเวทีที่จะยกระดับคุณภาพการขับรถบรรทุก ไม่เพียงแต่ความปลอดภัยที่เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจนี้ แต่การประหยัดพลังงานก็เป็นอีกความสำคัญหนึ่งที่จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถลดต้นทุนของตัวเองได้ เพราะน้ำมันถือเป็นต้นทุนที่อยู่ในสัดส่วน 30% ของต้นทุนแปรผันทั้งหมด จึงทำให้เราได้พัฒนาการแข่งขันให้สอดคล้องกับเวทีโลก ทำให้ปีนี้ เราจึงจัดแข่งขันขึ้นทั้งประเภท On Road และ Off Road โดยประเภท On Road เป็นการจัดขึ้นสำหรับนักขับชาวไทยเท่านั้น ส่วนประเภท Off  Road เมื่อปีที่แล้วเราจัดขึ้นที่สปป.ลาว โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท ภูเบี้ย ไมน์นิ่ง จำกัด ในการใช้พื้นที่การแข่งขัน แต่ปีนี้เป็นปีที่ 2 แต่เป็นครั้งแรกที่จัดแข่งขันในประเทศไทย มีตัวแทนจาก 3 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ สปป.ลาว และเมียนมา รวมทั้งหมด 8 คน”

นอกจากนี้ คุณกำลาภ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าวอลโว่ ทรัคส์ ประเทศไทยได้จัดกิจกรรมการแข่งขันขับขี่ปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน Fuelwatch Challenge อย่างต่อเนื่อง โดยปีแรก พ.ศ. 2553 มีผู้สมัครเพียง 56 คน และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็น 65 คนในปี 2554 ปี 2555 มีผู้สมัคร 73 คน ปี 2556 มีผู้สมัคร 81 คน ปี 2557 120 คน ปี 2558 มีผู้สมัคร 150 คน ปี 2559 ผู้สมัครเพิ่มขึ้นเป็น 260 คน อย่างไรก็ตามในปีนี้ มีจำนวนผู้สมัครเท่าเดิมอยู่ที่ 260 คน

เปิดค่ายติวเข้ม 2 ตัวแทน Thailand Hub

ขณะที่คุณวิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว รองประธานฝ่ายการตลาดและสนับสนุนงานขาย กล่าวเสริมว่าภายหลังจากที่ Thailand Hub ได้ตัวแทนทั้ง 2 ประเภทแล้ว วอลโว่ ทรัคส์ ประเทศไทย จะเปิดค่ายฝึกติวเข้มให้กับตัวแทนทั้ง 2 ประเภทเพื่อเสริมทักษะและเทคนิคการขับขี่ให้เข้มข้นสูงขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถทะลุเข้าสู่รอบ Global Fuelwatch Challenge 2017 ในประเทศสวีเดน

 “การเป็นตัวแทน Thailand Hub นี้ ถือเป็นเกียรติยศอย่างสูงที่ได้โอกาสเข้าร่วมชิงชัยในสนาม Asia Pacific แต่หากสามารถทะลุเข้าไปถึงรอบสุดท้าย คือ Global Fuelwatch Challenge 2017 ได้ ก็จะเป็นเกียรติยศสูงสุดของพนักงานขับรถวอลโว่ ทรัคส์ นั่นหมายความว่าจะเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยและสปป.ลาว จะได้บุคลากรชั้นสูงสุดที่การันตีได้ถึงความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ และพร้อมเป็นบุคลากรเพื่อยกระดับการพัฒนาพนักงานขับรถในองค์กรอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันพนักงานขับรถใหญ่ขาดแคลนอย่างมาก”

อย่างไรก็ดี คุณวิลาวัลย์ กล่าวถึงรางวัลที่ผู้ชนะจะได้รับว่าในการคัดเลือกสนามประเทศไทยประเภท On Road นั้น ผู้ชนะเลิศจะได้รับรางวัล รวมมูลค่า 400,000 บาท นอกจากนี้ ผู้ชนะเลิศที่จะเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าสู่การชิงชัยการแข่งขันรอบเอเชียแปซิฟิคที่สวีเดนแล้ว ก็จะมีการประกาศรายชื่อรองชนะเลิศจำนวน 2 คน โดยผู้ชนะรองอันดับ 1 จะได้รับรางวัล มูลค่ารวม 80,000 บาท ผู้ชนะรองอันดับ 2 จะได้รับรางวัล มูลค่ารวม 40,000 บาท

ตัวแทนทั้ง 2 ประเภท ลั่นทำให้ดีที่สุด

ด้านผู้คว้าชัยในประเภท On Road อย่างคุณสิทธิกร สอนสุจิตรา เจ้าของบริษัท พันธ์ทิพย์ ทราน เซอร์วิส เปิดเผยว่าผมลงสมัครแข่งด้วยตัวเองเกือบทุกปี หากปีไหนติดภารกิจจะส่งตัวแทนมาเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในรายการนี้ เพราะเชื่อว่าเป็นเวทีนี้จะช่วยสนับสนุนให้กับนักขับได้รับการพัฒนาทักษะ โดยเฉพาะการขับประหยัดน้ำมัน และยังเป็นที่ยอมรับในนามสุดยอดสิงห์รถบรรทุกตัวจริงของประเทศ และปีนี้ก็คว้าชัยมาได้หลังพยายามติดต่อกันมาหลายปี

“การแข่งขันครั้งนี้ ผมใช้ทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียธรรมดาร่วมกัน เพราะผมรู้ว่าช่วงจังหวะไหนและในสภาพถนนแบบไหนควรจะใช้เกียร์อะไรและเกียร์แบบไหน เพื่อให้ประหยัดพลังงานมากที่สุด รอบสุดท้ายนี้ผมสามารถวิ่งรถโดยไม่ได้ใช้น้ำมันเลยมากถึง 5 กิโลเมตร เพราะผมรู้ว่าจังหวะไหนสามารถใช้แรงส่งจากหางบรรทุกดันให้ตัวรถวิ่งไปข้างหน้าอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน สิ่งเหล่านี้เกิดจากประสบการณ์การทำงานของผม และผมพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์แบบนี้กับทุกคนครับ”

เมื่อถามถึงความมั่นใจในการเข้าร่วมแข่งขัน APAC Fuelwatch Challenge 2017 ที่ประเทศสวีเดนนั้น เก้าแกพันธ์ทิพย์ ทราน เซอร์วิส เล่าว่าผมมุ่งมั่นที่จะทำให้ดีที่สุด แต่ที่สำคัญคือตนได้สัมผัสกับรถวอลโว่ ทรัคส์ มาเป็นเวลานาน ด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพและระบบความปลอดภัย จึงทำให้สามารถเรียนรู้เทคนิคการขับขี่ปลอดภัยและประหยัดน้ำมัน

ส่วนเจ้าของแชมป์ประเภท Off Road อย่าง Mr. Der จากสปป.ลาว กล่าวว่าพร้อมที่จะเข้าร่วมแข่งขันในนาม Thailand Hub ที่ประเทศสวีเดน และเชื่อว่าจากประสบการณ์ในการทำงานจริงที่เหมืองในสปป.ลาว จะสามารถนำประสบการณ์และทักษะจากการทำงานมาใช้เพื่อเป้าหมายเข้ารอบสุดท้ายระดับชิงแชมป์โลกที่ประเทศสวีเดนที่จะถึงนี้

แม้ความท้าทายในสนามประเทศไทยปิดฉากลงแล้ว แต่ความท้าทายในเวทีระดับโลกอย่างAPAC Fuelwatch Challenge 2017 ที่ประเทศสวีเดน ยังรอให้ 2 ตัวแทน Thailand Hub ได้พิสูจน์ว่าจะสามารถกะซวกชัยชนะได้หรือไม่!?