เปิดทางต่างชาติถือหุ้น 75%ในเมกะโปรเจ็กต์อีอีซี

0
202
เคาะสัดส่วนร่วมลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ “อีอีซี” เปิดกว้างต่างชาติถือหุ้น 75% ประเดิมรถไฟความเร็วสูงไฮสปีดเทรน 200,000 ล้าน พร้อมขีดเส้นเข็นเมกะโปรเจกต์ 8 โครงการประมูลแล้วเสร็จก่อนเลือกตั้งต้นปีหน้า ฟุ้งประมูล“ท่าเรือแหลมฉบัง” เฟส 3 เอกชนไทย – เทศ รุมจีบ
นายมนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) เปิดเผยภายหลังสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) ครั้งที่ 2 โครงการท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ว่า จากการศึกษาโครงการเบื้องต้น ประเมินว่าการดำเนินการในเฟส 3 จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนที่ 95,000 – 105,000 ล้านบาท ซึ่งรูปแบบการเปิดประมูล จะเปิดกว้างทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ และขณะนี้ยังมีการศึกาษาความเป็นไปได้ ที่จะปรับสัดส่วนให้ต่างชาติเข้าร่วมลงทุนเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ กทท.เปิดสัดส่วนให้ต่างชาติร่วมลงทุนในโครงการแหลมฉบัง เฟส 1 และ 2 ในสัดส่วน 49% และนักลงทุนไทย 51% โดยการศึกษาจะศึกษาจากรูปแบบสัดส่วนต่างชาติลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบินที่ได้มีการเพิ่มสัดส่วนต่างชาติลงทุนได้ถึง 75% ซึ่งในเรื่องนี้จะต้องมีการศึกษาข้อกฎหมายให้มีความรอบคอบ
อย่างไรก็ตามในการสัมมนารับฟังความเห็นครั้งนี้ กทท.ได้ชี้แจงรูปแบบเปิดประมูลที่ศึกษา โดยจะทำการเปิดประมูลแบ่งออกเป็น  3 สัญญา คือ สัญญา 1. โซน E ที่มีพื้นที่ความยาวหน้าท่า 1,500 เมตร สัญญา 2. โซน F ที่มีพื้นที่ความยาวหน้าท่า 2,000 เมตร และสัญญา 3.พื้นที่ก้นอ่าว ซึ่งยังอยู่ระหว่างประเมินเนื้อที่ใช้สอย แต่หากพบว่าภายหลังการสัมมนาครั้งนี มีเอกชนสนใจร่วมทุนค่อนข้างมาก ก็อาจมีการแบ่งแยกสัญญาเพิ่มอีก  1 สัญญา จากพื้นที่โซน F โดยการแบ่งแยกสัญญาในลักษณะดังกล่าว กทท.เชื่อว่าจะลดปัญหาการผูกขาด และเกิดการแข่งขันมากขึ้น 
นายมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะที่ความสนใจของนักลงทุนต่างชาติต่อการร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าวพบว่า มีทั้งจากจีน ญี่ปุ่น ยุโรป เยอรมัน เกาหลี และฝรั่งเศส แสดงความสนใจ เช่นเดียวกับสัญญางานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ทาง กทท.จะเป็นผู้ลงทุนโครงการ และจะเปิดจัดหาผู้รับเหมา ปัจจุบันมีเอกชนรับเหมาแสดงความสนใจทั้งไทยและต่างชาติ 
“จากการเปิดรับฟังความเห็นครั้งที่ 1 เราก็เริ่มเห็นสัญญาณตอบรับจากนักลงทุนแล้วว่าสนใจเข้าร่วมลงทุนโครงการ และครั้งนี้ก็น่าจะตอกย้ำ สร้างความมั่นใจและเพิ่มการตัดสินใจได้มากขึ้นอีก โดยผลการรับฟังความเห็นครั้งก่อน พบว่านักลงทุนแสดงความสนใจเข้าร่วมลงทุน เห็นด้วยกับแผนแม่บทในการพัฒนา 92% โดยโครงการที่สนใจร่วมลงทุน คือ การขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ การขนส่งด้วยระบบอัตโนมัติ การลงทุนท่าเรืออเนกประสงค์ และลงทุนท่าเรือขนส่งสินค้ายานยนต์” 
นายมนตรี ยังเปิดเผยถึงกรอบระยะเวลาในการเปิดประมูลโครงการท่าเรือแหลมฉบัง เฟส  3  ด้วยว่า หลังการเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ จะต้องกลับมารวบรวมข้อมูล ปรับปรุงตามความคิดเห็น และเปิดรับฟังครั้งที่ 3 ในช่วงเดือน ก.ค.นี้ โดยจะทำควบคู่ไปกับการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EHIA) หลังจากนั้นจะประกาศเอกสารประกวดราคา เริ่มต้นขั้นตอนเปิดประมูลประกาศทีโออาร์ในเดือน ส.ค. 61 ทำการประมูลได้ตัวผู้รับสัมปทานในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ และเริ่มต้นพัฒนาโครงการในเดือน ก.พ.62 
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการสำคัญของอีอีซีจะประมูลในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้าเพื่อให้นักลงทุนมั่นใจว่าจะเกิดขึ้นจริงและไม่มีควาามเสี่ยงเมื่อต้องมีการเลือกตั้ง โดยรัฐบาลตั้งเป้านำร่องเปิดประมูล 8 โครงการสำคัญให้ได้ภายในรัฐบาลนี้ ประกอบด้วย 1.รถไฟไฮสปีดเทรนที่ประกาศเชิญชวนไปแล้ว 2.โครงการสนามบินอู่ตะเภา เตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นวันที่ 15 มิ.ย.นี้ 3.โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) 4.โรงฝึกช่างและอากาศยานต่างๆ 5.โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3  6.โครงการท่าเรือมาบตาพุด 7.โครงการพัฒนาดิจิตอลพาร์ค และ 8.เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก( EECi) 
สำหรับประเด็นสัดส่วนการลงทุนนั้น นโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการถึงทุกโครงการในอีอีซี ต้องพยายามให้คนไทยและต่างชาติเข้ามาเต็มที่ เพราะหากจำกัดสัดส่วนให้คนไทยต้องถือหุ้นเกิน 51% จะมีเอกชนเข้าข่ายไม่กี่รายทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน ดังนั้นทุกโครงการในอีอีซีจึงอาจต้องใช้รูปแบบสัดส่วนร่วมทุนในลักษณเดียวกับไฮสปีดเทรน คือ ส่วนที่ไม่ติดกฎหมายก็พร้อมเปิดให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 75% แต่ส่วนใดที่ติดขัดข้อกฎหมายเช่นพื้นที่มักกะสันก็ยังคงดำเนินการตามกฎหมายคนไทยถือหุ้น 51%