ครม. จัดเต็ม นโยบายประชารัฐ

0
160

ครม. บิ๊กตู่ จัดหนักซื้อใจรากหญ้า วันเดียวถลุงงบกว่า 86,994 ล้านบาท ทุ่มช่วยคนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้าน คนจนเฮ! รัฐให้เงินเป็นของขวัญปีใหม่คนละ 500 บาท ช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟ คนชราได้เงินเพิ่มค่าเดินทางไปหาหมอ 1,000บาท ค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อเดือน พร้อมช่วยข้าราชการเกษียณที่รับเงินบำนาญ

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติเงินงบประมาณเพื่อใช้ดำเนินการในโครงการต่างๆ รวม 86,994 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติม ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  38,730 ล้านบาท  2. เงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ 559 ล้านบาท และเงินบำเหน็จดำรงชีพ 24,700 ล้านบาท  3. เงินชดเชยดอกเบี้ย 3,876 ล้านบาท ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำโครงการบ้านล้านหลัง ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน 4. มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ 525 ล้านบาท  5. โครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนยางพารา 18,604ล้านบาท

นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าครม. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งปัจจุบันเพิ่มจาก 11.4 ล้านราย เป็น 14.5 ล้านรายแล้ว รวม 4 มาตรการ มีค่าใช้จ่าย 38,730ล้านบาท โดยใช้เงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ได้แก่ 1. ช่วยบรรเทาภาระค่าน้ำค่าไฟรวม 10 เดือน ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 ถึง ก.ย. 2562 ในอัตราค่าไฟ 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน และค่าน้ำ 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน โดยให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ตามปกติ จากนั้นกรมบัญชีกลางจะโอนเงินกลับมาในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิคส์ ที่อยู่ในบัตรสวัสดิการให้เอง แต่มีเงื่อนไขต้องใช้อย่างประหยัดและไม่เกินวงเงินที่กำหนดจึงจะได้รับสิทธิ์  ในส่วนนี้ใช้เงิน 27,060 ล้านบาท

2. ให้เงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายช่วงปลายปีถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลมอบให้ 500 บาทต่อคน ในเดือน ธ.ค. 2561 และถอนออกมาได้ ใช้เงิน 7,250 ล้านบาท 3. ค่าเดินทางไปรักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 1,000 บาทต่อคน ถอนเงินออกมาได้ ใช้เงิน 3,500 ล้านบาท  4. ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ อายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นระยะเวลา 10 เดือน ตั้งแต่ ธ.ค. 2561 ถึง ก.ย. 2562 ใช้เงิน 920 ล้านบาท

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการที่ออกมายังเน้นการช่วยเหลือผู้สูงอายุ ที่นอกเหนือจากในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว คือ กลุ่มข้าราชการบำนาญ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. ข้าราชการบำนาญที่รับเงินต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท ให้ได้รับเต็ม 10,000 บาทต่อเดือน มีผู้มีสิทธิ์ 52,736 คน ซึ่งรัฐต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เดือนละ 46 ล้านบาท รวม 559 ล้านบาท ในปีงบประมาณนี้  2. เพิ่มเพดานการจ่ายเงินบำเหน็จดำรงชีพให้กับข้าราชการบำนาญ ที่อายุ 70 ปีขึ้นไป จาก 400,000 บาท เป็น 500,000 บาท มีผู้ได้รับสิทธิ์ 159,094 ราย รัฐมีค่าใช้จ่าย 24,700 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่รัฐต้องจ่ายอยู่แล้ว แต่มาจ่ายให้เร็วขึ้นก่อนการเสียชีวิต นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างจัดทำมาตรการช้อปช่วยชาติเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในช่วงปลายปี แต่จะมีวิธิการที่แตกต่างไปจากเดิม

นายพุทธิพงษ์ กล่าวย้ำว่า การออกมาตรการทั้งหมดนี้ไม่ได้หวังผลทางการเมือง เพราะรัฐบาลเน้นการช่วยเหลือคนจนและคนสูงอายุ อย่างเงินที่ให้คนละ 500 บาทนั้น มาจากการสำรวจว่าปลายปีต้องมีค่าใช้จ่ายมาก รัฐบาลจึงให้เป็นของขวัญปีใหม่เพื่อไปใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการ ส่วนการช่วยผู้สูงอายุ นายกรัฐมนตรีอยากให้ทุกรัฐบาลทำต่อเนื่องเพราะคนสูงอายุกำลังมีเพิ่มขึ้น