‘ไทยแสงฯ’สั่งบิ๊กล็อตวอลโว่ ทรัคส์ 41 คัน รองรับขนส่งผลไม้ไทย-จีน

0
539

หลังฝูงหัวลากวอลโว่ ทรัคส์ 41 คันพาเหรดจอดเรียงเป็นตับถูกแชะภาพแล้วโพสต์โชว์หราหน้าเพจ Volvo Trucks Thailand พร้อมทิ้งเป็นปริศนาไว้ใครกันแน่?…ที่อาจหาญกล้าทุ่มทุนมหาศาลสั่งบิ๊กล็อต 41 คันนี้ตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย.62

กับภาษาจีนที่สลักหน้าหัวเก๋งคนในวงการก็พอคาดเดาได้ว่าเป็นใคร? แต่ทว่า หน่วยเหนือยังไม่เปิดไฟเขียวให้เผยโฉมอย่างเป็นทางการ

ครั้นกาลเวลาก้าวเข้าสู่เดือนตุลาคมปริศนาที่ทิ้งเอาไว้ก็ถูกเฉลยอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือ “เจียงไห่ คุนมั่น อินเตอร์เฟรท ทรานสปอร์ต”หรือคนในวงการต่างรู้ดีในนาม “ตู้เหลือง”หนึ่ง ในกลุ่มบริษัทไทยแสง จันทบุรี โลจิสติกส์ ผู้ให้บริการขนส่งผลไม้รายใหญ่จากไทยไปจีนแผ่นดินใหญ่

โดยกลุ่มไทยแสงฯ มั่นใจใช้วอลโว่ ทรัคส์ สั่งซื้อบิ๊กล็อต 41 คันรองรับขนส่งผลไม้ไทย-จีนโตก้าวกระโดด เชื่อมั่นคุณภาพวอลโว่ ทรัคส์ ตอบโจทย์งานหนัก-ขนส่งระยะไกลได้ดี ช่วยลดต้นทุน-เพิ่มผลกำไร และวิ่งงานได้ต่อเนื่อง ย้ำตลาดส่งออกผลไม้ไทยไปจีนโต 200 – 300% ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คาดปีนี้โตอีกไม่ต่ำกว่า 100%

ธุรกิจขนส่งบริษัทพุ่งสูง 200% คาดปีนี้โตกว่า 100 %

คุณสมหวัง กันยาปรีดากุล กรรมการผู้จัดการ บจก.เจียงไห่ คุนมั่น อินเตอร์เฟรท ทรานสปอร์ต หนึ่งในกลุ่มบริษัท ไทยแสง จันทบุรี โลจิสติกส์ เปิดเผยว่าจากการลงทุนสั่งซื้อรถบรรทุกเพิ่มดังกล่าวเป็นการยืนยันความเชื่อมั่นในธุรกิจขนส่งสินค้าการเกษตรระหว่างประเทศจีนกับประเทศไทยของบริษัท ซึ่งปีที่แล้วธุรกิจการขนส่งของบริษัทพุ่งสูงถึง 200% และคาดว่าปีนี้ธุรกิจจะยังคงเติบโตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 100%

“ปัจจัยจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯทำให้รัฐบาลจีนมีนโยบายลดการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรบางชนิดจากเวียดนาม ซึ่งถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ จึงทำให้ความต้องการสินค้าทางการเกษตรจากไทยเป็นที่ต้องการมากขึ้นในจีน ทำให้ธุรกิจของเราในไทยเติบโตอย่างรวดเร็วและยังจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้และในอนาคต”

บิ๊กล็อต 41 คันรองรับธุรกิจโตก้าวกระโดด

คุณสมหวัง กล่าวอีกว่าบริษัท ไทยแสง จันทบุรี โลจิสติกส์ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2556 โดยดำเนินกิจการขนส่งสินค้าทางการเกษตรระหว่างไทยกับจีน โดยสินค้าที่ส่งออกจากไทยไปยังจีนคือ ผลไม้สด อาทิเช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย ขนุน กล้วยไข่ และมะพร้าว เป็นต้น โดยสินค้าเหล่านี้มีแหล่งผลิตกระจายไปทั่วไทย ขณะที่พืชผลทางการเกษตรที่ส่งจากจีนมายังไทยคือผักและผลไม้สด อาทิเช่น ส้ม องุ่น ลูกพับ แอปเปิ้ลและผักทุกชนิด โดยมีการขนส่งไป-กลับทุกวัน ไม่ต่ำกว่าวันละ 20-30 ตู้คอนเทนเนอร์

“จากความต้องการพืชผลทางการเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้นจากทั้งสองประเทศ ทำให้ความต้องการใช้บริการขนส่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ บ.เจียงไห่คุนมั่นฯจึงตัดสินใจสั่งซื้อรถวอลโว่ ทรัคส์ เพิ่มอีก 41 คัน โดยครั้งนี้ทางบริษัทได้ทำการสั่งซื้อ 2 รุ่นได้แก่ Volvo FH13 400 แรงม้า และ Volvo FM13 400 แรงม้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทของเรามีจำนวนรถบรรทุกรวมเป็น 175 คัน”

วอลโว่ ทรัคส์ ตอบโจทย์งานหนัก-ขนส่งระยะไกลได้ดี

คุณสมหวัง ยังย้ำถึงการตัดสินใจสั่งซื้อบิ๊กล็อตในครั้งนี้ว่าเราตัดสินใจสั่งซื้อรถวอลโว่ ทรัคส์ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก เพราะเราได้ศึกษาเทคโนโลยีของรถวอลโว่ ทรัคส์ มาระยะหนึ่งแล้ว จนเรามั่นใจว่ารถวอลโว่ ทรัคส์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเราที่ต้องการใช้รถเพื่อการขนส่งระยะไกล ด้วยต้นทุนการบริหารจัดการที่ต่ำ สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ซึ่งราคางานบริการที่เราเสนอกับลูกค้า เราอยู่ในระดับแนวหน้าที่ลูกค้ายอมรับได้ 

“เส้นทางขนส่งสินค้าจากไทยไปยังจีน เป็นเส้นทางประจำโดยผ่านด่านศุลกากรเชียงของ จังหวัดเชียงราย ข้ามไปยังสปป.ลาว ที่ด้านห้วยทราย จากนั้นก็จะใช้เส้นทาง R3A มุ่งสู่ชายแดนจีนที่ด่านบ่อเต็นและทำการขนถ่ายสินค้าใส่รถบรรทุกจีนที่นั่น”

“ผมมั่นใจว่าคุณภาพของรถวอลโว่ ทรัคส์ สามารถรองรับกับการใช้งานหนักและขนส่งระยะทางไกลจากไทยไปยังชายแดนจีนได้ดี และสามารถวิ่งงานได้อย่างต่อเนื่อง” 

เชื่อธุรกิจขนส่งไทย-จีนโตต่อเนื่อง

คุณสมหวัง สรุปปิดท้ายว่าบริษัทมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจขนส่งจากไทยไปยังจีนจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากเมื่อโครงการเมกะโปรเจ็กต์ตามยุทธศาสตร์พัฒนาภายใต้ชื่อ “One Belt One Road” ที่รัฐบาลจีนผลักดันให้เกิดขึ้นเพื่อขยายเส้นทางการค้า การคมนาคมขนส่งข้ามแดน โดยไทยจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาดังกล่าว ซึ่งหากการพัฒนาสำเร็จ จะทำให้เส้นทางขนส่งไปยังจีนและประเทศอื่นๆ สามารถทำได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นจากระบบถนนที่ได้มาตรฐานสากลในทุกประเทศที่เข้าร่วม

“สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะย้ำก็คือบริษัทมีความภูมิใจอย่างมากที่เราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากราคาพืชผลที่เราส่งไปยังจีน ขณะเดียวกัน เราก็มีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคไทยมีผักและผลไม้ที่สดจากจีนมาขายในไทยในราคาที่ไม่แพง”

กับบิ๊กล็อต 41 คัน ถือเป็นยอดสั่งซื้อที่เซอร์ไพร้สมากหากไม่ใช่รายใหญ่มิอาจหาญหล้าแน่ ด้วยราคาหัวลากคันหนึ่งปาเข้าไปแล้ว 4 ล้าน บวกหางกับตู้ก็ไม่ต่ำกว่า 1 ล้าน เสร็จสรรพบิ๊กล็อตนี้ต้องทุ่มทุนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

ไม่ใหญ่จริงไม่กล้าทุ่มทุน และไม่แน่ใจว่าธุรกิจหน้าตักกลุ่มไทยแสงฯไม่รุ่งโรจน์จริง ก็มิหาญกล้าสั่งซื้อบิ๊กล็อตวอลโว่ ทรัคส์ 41 คันนี้เข้าฝูงขนส่งเป็นแน่แท้!