บางจากฯยกระดับ E20 S EVO คุณภาพพรีเมียมราคาเดิม

0
502

ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มธุรกิจพลังงานมิอาจได้รับข้อยกเว้นหลีกเลี่ยงผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทว่า หลังภาครัฐเริ่มคลายล็อกระยะที่ 4 และเริ่มผ่อนปรนในหลายมาตรการที่เคยคุมเข้มเพื่อสอดรับการสถานการณ์ภาวะวิกฤติโควิด -19 เริ่มคลี่คลาย หลายธุรกิจก็เริ่มเปิดกลยุทธ์ตลาดพร้อมทยอยเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่หลังอั้นมานานร่วม 3 เดือน

ล่าสุด บางจากฯ เปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มแก๊สโซฮอล S EVO FAMILY ยกระดับ E20 S EVO เป็นน้ำมันคุณภาพพรีเมียมแต่จำหน่ายราคาเดิม เพื่อมอบสิ่งที่ดีสุดให้ผู้บริโภคสู้วิกฤต COVID-19 สอดคล้องความต้องการใช้ E20 ที่เติบโตต่อเนื่อง คาดจะเป็นน้ำมันพื้นฐานของประเทศไทยในอนาคต    

คุณชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยวิสัยทัศน์ Evolving Greenovation ของบริษัทฯให้ความสำคัญการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจึงได้ใช้นวัตกรรมพัฒนายกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค อาทิ บางจากไฮพรีเมียมดีเซล S ที่มีค่าซีเทนสูงสุด น้ำมันหล่อลื่น Furio ที่มีค่า API สูงสุด ผ่านการทดสอบในสนามแข่งระดับโลก

“ล่าสุด บางจากฯได้พัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มแก๊สโซฮอล S EVO FAMILY ได้แก่ แก๊สโซฮอล 91, 95, E20 และ E85 โดยเฉพาะ E20 ที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องตามความต้องการของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมทั้งเป็นน้ำมันที่มีความคุ้มค่าสำหรับผู้บริโภค คาดการณ์ว่าน้ำมัน E20 จะเป็นน้ำมันพื้นฐานของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายกระทรวงพลังงาน ประกอบกับเป็นเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้มากกว่า บางจากฯ จึงเน้นการยกระดับ E20 S EVO  ให้เป็นน้ำมันคุณภาพพรีเมียม แต่จำหน่ายราคาเดิม เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้คนไทยในช่วงวิกฤต COVID-19 ที่ต้องใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า”

CEO บางจากฯระบุต่อว่าปัจจุบันแนวโน้มเครื่องยนต์ได้พัฒนาจากระบบ PFI (Port Fuel Injection-เครื่องฉีดพอร์ทธรรมดา) เป็นระบบ GDI (Gasoline Direct Injection-ฉีดน้ำมันตรงเข้าห้องเผาไหม้) คาดว่าในอนาคตรถรุ่นใหม่ๆ จะเปลี่ยนมาเป็นเครื่องยนต์ระบบ GDI ทั้งหมด บางจากฯ จึงพัฒนา E20S EVO ให้รองรับเครื่องยนต์ระบบ GDI และยังใช้ได้ดีกับรถเบนซินทุกรุ่น ทั้งรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ด้วย

อัตราเร่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 56.7 %รับรู้ได้ตั้งแต่เติมถังแรก

ส่วนคุณสมบัติโดดเด่นกลุ่มผลิตภัณฑ์แก๊สโซฮอล S EVO FAMILY นั้น คุณชัยวัฒน์ ระบุว่าบางจากแก๊สโซฮอล S EVO FAMILY ได้เพิ่มสารเพิ่มคุณภาพ S Dual Purifier และ S Turbo Modifier ที่ทำความสะอาดหัวฉีดได้ดีเยี่ยม เครื่องยนต์จึงเผาไหม้ได้สมบูรณ์ ทำให้เครื่องยนต์เดินลื่น แรงสุด พลังสะอาด จากการทดสอบ E20 S EVO กับรถยนต์รุ่นใหม่ ระบบ GDI ช่วยให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น ทั้งทำความสะอาดหัวฉีดเครื่องยนต์ระบบ GDI ได้ 100 % ทำให้เผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ ป้องกันหัวฉีดอุดตัน รถจึงวิ่งได้แรงขึ้น อัตราเร่งมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากเดิม 56.7 % เป็นผลจากการที่แรงม้า และแรงบิดสูงขึ้นจึงเร่งแรงได้ในทุกสถานการณ์

“อีกทั้งยังป้องกันสนิมและการกัดกร่อนได้ในระดับ A Rating ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ยาวนานขึ้น ได้รับมาตรฐาน Euro 5 เป็นรายแรกในเอเชีย ซึ่งมีค่ากำมะถันต่ำกว่า 10 PPM ดีต่อสิ่งแวดล้อม และยังลดมลภาวะจากการเผาไหม้ โดยลดคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 14 % และลดไนโตรเจนออกไซด์ได้ถึง 50 % ซึ่งเป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน และฝนกรด”

วันนี้สามารถเติมแก๊สโซฮอล S EVO ได้แล้วที่สถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ และเพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ และพิสูจน์คุณภาพ บริษัทฯ จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ เติมบางจาก E20 S EVO เต็มถัง จ่ายเพียง 20 บาท ในวันที่ 20 มิถุนายน 2563 ณ สถานีบริการน้ำมันบางจาก 20 สาขา สาขาละ 100 คัน และสำหรับสมาชิกบางจากเมื่อเติมบางจาก E20 S EVO ครบทุก 600 บาท รับน้ำดื่มขวดใหญ่ขนาด 1.5 ลิตร 2 ขวด มูลค่า 30 บาท ตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน-31 สิงหาคม 2563 อีกด้วย

หนุนยอดขายช่วงครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้ CEO บางจาก ยังได้สะท้อนมุมมองถึงสถานการณ์ยอดขายน้ำมันช่วงวิกฤติโควิด-19 ว่าเราคาดหวังยอดขายน้ำมันช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมาฟื้นตัวหลังภาครัฐผ่อนคลายมาตการล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และการที่ภาครัฐเตรียมกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านมาตรการ “เที่ยวปันสุข” ในช่วงเดือน ก.ค.นี้ ทำให้คาดการณ์ว่าประชาชนจะกลับมาใช้รถยนต์ส่วนตัวเพื่อเดินทางมากขึ้น

“บางจากฯใช้จังหวะนี้เปิดตัวผลิตภัณฑ์บางจากแก๊สโซฮอล์ E20 S EVO เทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้สะอาดขึ้น 100% เป็นรายเดียวของประเทศ และมีอัตราเร่งเครื่องสูงขึ้นอยู่ที่ 56% รับรู้ได้ตั้งแต่เติมถังแรกในราคาที่คุ้มค่า หรือไม่ได้ปรับราคาสูงขึ้นแต่อย่างใด โดยการปรับสูตรน้ำมันใหม่ถือเป็นการสร้างความสุขตอบแทนให้กับผู้บริโภคหลังโควิด-19 คลี่คลายลง และต้อนรับการกลับมาเดินทางบนท้องถนนอีกครั้ง”

ปัจจุบันประเทศไทยมีรถที่ใช้ E20 ได้ประมาณ 30-35%ของจำนวนรถ แต่ใช้จริงอยู่เพียง 15-20% เท่านั้น และพิสูจน์แล้วว่า E20 เป็นน้ำมันที่คุ้มค่าสุดเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นในกลุ่มเบนซิน หวังว่าสูตรใหม่จะช่วยดึงดูดผู้บริโภคมากขึ้น ถึงกระนั้นการปรับสูตรแก๊สโซฮอล์ E20 S EVO ยังเป็นการสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่เตรียมประกาศให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันเกรดพื้นฐานกลุ่มเบนซินในอนาคตอีกด้วย

จ่อลดหัวจ่ายกลุ่มเบนซินเหลือแก๊สโซฮอล์ E20 S EVO และ 95

ส่วนยอดขายน้ำมันในช่วงภาวะวิกฤติจนถึงปัจจุบันนั้น คุณชัยวัฒน์ เปิดเผยว่าปัจจุบันบางจากฯมียอดขายแก๊สโซฮอล์ E20 คิดเป็นสัดส่วน 25% ของยอดขายน้ำมันกลุ่มเบนซิน และมีสัดส่วนสูงกว่าตลาดรวม ที่มียอดขายอยู่ที่ 22-23% ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า ยอดขายแก๊สโซฮอล์ E20 และแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่น

“ในอนาคตสถานีบริการน้ำมันบางจากจะเหลือหัวจ่ายน้ำมันหลักกลุ่มเบนซิน คือ แก๊สโซฮอล์ E20 S EVO และแก๊สโซฮอล์ 95 ส่วนกลุ่มดีเซลจะเหลือดีเซล บี10,ดีเซล บี7 และดีเซลพรีเมี่ยม ซึ่งจะเป็นการลดภาระการลงทุนหัวจ่ายน้ำมัน เพราะปัจจุบันประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ปั๊มน้ำมันมีหัวจ่ายน้ำมันมากถึง 10 ผลิตภัณฑ์”

อย่างไรก็ดี CEO บางจากฯกล่าวปิดท้ายว่าสถานการณ์ยอดขายน้ำมันปั๊มบางจากฯ ล่าสุดเดือน มิ.ย.63 ลดลงประมาณ 5-6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือน พ.ค.63 ลดลง 7-8% และเดือน เม.ย.63 ลดลงต่ำสุดอยู่ที่ 20% ขณะที่เดือน มี.ค.63 ลดลง 10%  ถือเป็นสัญญาณการฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้