รถร่วม บขส. อั้นไม่ไหว ขู่หยุดวิ่งทุกเส้นทาง

0
75

สมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย หรือรถร่วม บขส.ไฟเขียวปรับลดเที่ยววิ่งรถ 80% ตั้งแต่ 1 ก.ค. 65 หลังน้ำมันพุ่งต่อเนื่องจนแบกรับไม่ไหว พร้อมทั้ง ขอเสนอรัฐปรับค่าโดยสารอีก 6 สตางค์ต่อกม. ขีดเส้นหากรัฐยังเพิกเฉยไม่อนุมัติ รถร่วม บขส. 2 หมื่นคันจะหยุดทุกเส้นทางเร็วๆนี้

นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมผู้ประกอบการขนส่ง และบริษัทรถร่วมทั่วประเทศ ถึงมาตรการการดำเนินการเพื่อพยุงธุรกิจเดินรถให้สามารถดำเนินการต่อในระหว่างรอภาครัฐพิจารณามาตรการช่วยเหลือว่า จากที่ราคาน้ำมันได้มีการปรับขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันผู้ประกอบการรถร่วมโดยสารกว่า 20,000 คันทั่วประเทศไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นถึงเที่ยวละกว่า1,400 บาทต่อคันในสัปดาห์ที่แล้ว และล่าสุดคาดว่าต้นทุนจะเพิ่มเป็น 1,600 บาทในสัปดาห์นี้ ทางผู้ประกอบการ ดังนั้นจึงมีมติให้ลดเที่ยววิ่งลง 80% ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 65 เป็นต้นไป

ขณะเดียวกันจะเสนอขอปรับราคาค่าโดยสารต่อ คณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง ผ่านกรมการขนส่งทางบก อีก 6 สตางค์ต่อกม.จากคำนวณค่าโดยสารที่ 53 สตางค์ต่อ กม. มาเป็นที่ 59 สตางค์ต่อ กม.หากคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ยังคงเพิกเฉยไม่มีการหารือหรืออนุมัติทางผู้ประกอบการคงต้องประกาศหยุดเดินรถทั้งหมดในที่สุด

ทั้งนี้ รถร่วมโดยสารในระบบทั่วประเทศมี 20,000 คัน กว่า 40%ได้หยุดวิ่งให้บริการไปแล้ว และที่เหลือกว่า 80%ได้ลดเที่ยววิ่งการให้บริการลง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจะมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอีกครั้งว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจต่อได้หรือไม่ โดยประชาชนผู้เดินทางสามารถตรวจสอบเที่ยววิ่งในแต่ละวันได้ทางเว็บไซต์ของทุกบริษัท ส่วนประเด็นที่ทางภาครัฐจะเสนอให้ความช่วยเหลือคูปองน้ำมัน 2 บาทต่อลิตรนั้นทางผู้ประกอบการไม่สามารถรับได้ เนื่องจากราคาน้ำมันในปัจจุบันได้ปรับขึ้นไปกว่า 8 บาทต่อลิตรไปแล้ว

“ก็ไม่เข้าใจภาครัฐทำไมไม่เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งรถร่วม บขส. อย่างจริงจัง ราคาก็ไม่ให้ปรับขึ้น ขณะที่รถขนส่งสินค้า เรือโดยสารก็อนุญาตให้ปรับราคา แต่รถโดยสารไม่ให้ปรับ ทางผู้ประกอบการยืนยันว่าหากให้ปรับราคา และหากในอนาคต ราคาน้ำมันปรับลง ทางผู้ประกอบการก็ยินดีที่จะปรับราคาลดลง ทุกวันนี้ผู้ประกอบการหลายรายได้หยุดวิ่งให้บริการจำนวนมาก ขนาดผมยังเอารถกว่า 200 คันมาขายตัดเป็นเศษเหล็ก ขายจากรถราคาคันละ 3-4 ล้าน ขายเหล็กได้หลักแสนเท่านั้น แต่ก็ต้องยอมเพราะธุรกิจไปไม่ไหว ส่วนรถที่เหลือวิ่งให้บริการหากผู้โดยสารมี 60-70%ต่อเที่ยวก็ถือว่าโชคดีอยู่ได้ แต่ในความเป็นจริงมีคนขึ้นให้บริการเพียง 40-50%ต่อเที่ยวเท่านั้น”