จากประมุขสิบล้อไทย สู่… ประมุขสิบล้ออาเซียน Yoo (ยู) Go Inter

0
441

จากประมุขสิบล้อไทย สู่… ประมุขสิบล้ออาเซียน

Yoo (ยู) Go Inter

ยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน

art_42256395

หากจะกล่าวถึงชื่อ “ยู เจียรยืนยงพงศ์ ” ในสมรภูมิรถบรรทุกเมืองไทยน้อยนักที่จะไม่รู้บุรษนามอุโฆษท่านนี้ บ้างก็ให้สมญานามเขาว่าเป็น “เจ้าพ่อรถบรรทุก” บ้างก็ให้บอกว่าเขาเป็น “มาเฟียรถบรรทุก” บ้างก็สรรเสริญเขาว่าเป็น “พี่ใหญ่” แห่งวงการรถบรรทุก บ้างก็เล่าลือว่าเขาเป็น “ผู้ทรงอิทธิพลมากบารมี”ในแวดวงรถบรรทุก ที่พอเขาจะอ้าปากให้ช่วยอะไรพี่น้องสิงห์รถบรรทุกเมืองไทยต้องสะกดคำว่า “เกรงใจ”

แม้บุรุษท่านนี่จะถูกสังคมตั้งสมญานามให้เขาเป็นในสิ่งที่ผู้นั้นๆอยากประเคนสมญานามแก่เขา ไม่ว่าจะอ้างความคิดเห็นส่วนตัว หรือดั้นเมฆโดยไม่ต้องการเหตุผลและความเข้าใจใดๆทั้งสิ้น แต่ในความจริงแล้ว เฮียยูไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นจริงอย่างที่สังคมอุปโลกน์สมญานามทั้งหลายแหล่ เพราะเขายังยืนยันนอนยันตีลังกายันอยู่เสมอว่า “ผมก็เป็นคุณยูธรรมดาสามัญนี่แหล่ะ” ไม่ได้เป็นเจ้าพ่อ หรือมาเฟียรถบรรทุกอย่างที่ใครๆเขากล่าวขาน

สมญานามทั้งหลายทั้งปวงอาจได้มาเพราะเฮียยูมีอัตลักษณ์ที่พูดจาเสียงดังฟังชัด ตรงไปตรงไปแบบฉบับคนรถบรรทุก บวกกับความเป็นผู้มีเมตตาสูงและเป็นที่พี่ใหญ่ที่มีแต่ให้ ใครจะเชิญไปงานไหนหรือให้ช่วยอะไร คำว่า “ปฏิเสธ” ไม่มีในพจนานุกรมฉบับเฮียยู ถ้าว่างเขาไปให้ทุกงาน หรืออาจเป็นเพราะการสั่งสมประสบการณ์กับบทบาทหน้าที่แกนนำเรียกร้องความชอบธรรมให้กับสิงห์รถบรรทุกเมืองไทยในหลายเหตุการณ์ หรืออาจเป็นเพราะเขาให้ข่าวและตกเป็นข่าวตามหน้าสื่อทุกแขนงในฐานะ “ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย” หรือ สขบท.ที่เขาถูกสวมหัวโขนนาน 16 ปี

บนเส้นทางสายรถบรรทุกที่เขาเลือกเดินมากกว่า 3 ทศวรรษ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่อย่างใด เพราะกว่าที่เขาจะไต่เต้าและผงาดอยู่ได้ทุกวันนี้ ก็ล้วนแล้วต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการ เคยล้มลุกคลุกคลานมานักต่อนัก และน้อยคนนักที่จะรู้ซึ้งถึงเบื้องลึกเบื้องหลังกว่าที่เขาจะมีวันนี้ได้ผ่านอะไรมาบ้าง เพราะชีวิตเขาเริ่มต้นจากติดลบ 0 ที่วันหนึ่งต้องเผชิญชะตากรรมที่ยากลำบาก เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตในฐานะพี่ชายคนโตของครอบครัว ที่ต้องยอมตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนในวันที่เรียนไม่จบป. 4 เพื่อออกมาหางานทำหารายได้ส่งเสียให้น้องๆได้เรียนกัน จนกระทั่งได้เป็นลูกจ้างบริษัทขายอะไหล่รถยนต์ สั่งสมประสบการณ์จนได้เป็นเซลส์ขายอะไหล่รถยนต์ เป็นตัวแทนขายอะไหล่รถยนต์ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า ออกรถสิบล้อคันแรกร่วมวิ่งขนปูนจากสระบุรีไปสร้างเขื่อนศรีนครินทร์ ลากยาวกระทั่งขยายกิจการขนส่งจนเรื่องโรจน์ มีครอบครัวและส่งลูกเรียนจนปริญญาทุกคน

จนกระทั่งได้สวมบทบาทเป็น “ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย” ถือได้ว่าผู้ชายตนนี้ไม่ธรรมดา!

ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมานี้ ในฐานะสื่อมวลชน ดัมพ์แมนโชว์ เคยประจันหน้าสัมภาษณ์เฮียยูในทุกสถานการณ์ แม้วันเวลาจะล่วงเลยไปกี่ปีก็ตาม เฮียยูก็ยังรักษามาตรฐานความเป็น “เฮียยู” ที่แม้จะวันเวลา เกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง บารมี ก็ไม่อาจลบภาพความเป็นเฮียยูให้เลือนลางได้ ไม่ว่าจะเป็นความคนที่เข้าถึงง่าย เสียงดังฟังชัดพลางอัดไปด้วยอารมณ์ขัน ปากกล้าใจดี ตรงไปตรงไปแต่แฝงไปด้วย “ความจริงใจ” เป็นผู้เปี่ยมล้นด้วยภูมิรู้ภูมิธรรม เป็นพหูสูตในแวดวงขนส่งยากที่ใครจะเทียบทันได้

แต่ทว่า หลังวันที่ 2 เม.ย.เป็นต้นไป เป็นวันที่เขาได้โบกมือลาตำแหน่ง “ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย” ในฐานะประมุขขนส่งไทยที่รับหน้าที่ขับเคลื่อนและวางรากฐานให้กับวงการรถบรรทุกไทยให้เป็นปึกแผ่นนานถึง 16 ปี ตลอดถึงการพัฒนาแวดวงขนส่งไทยให้เจริญก้าวหน้ามาโดยลำดับ นับเป็นวันห้วงเวลาที่ยาวนานที่พี่น้องขนส่งไทยได้ไว้ใจให้เขาเป็นหัวหอกสำคัญท่านนี้ และจะเป็นห้วงเวลาที่ทุกคนต้องจดจำคุณูปการที่เขาเคยฝากผลงานเอาไว้และจะถูกเล่าขานตลอดไป

เบื้องหน้าจากนี้ แม้เก้าอี้ประธานสหพันธ์ฯคนใหม่จะถูกประเคนใส่ให้กับใครในแผ่นดินสยามนี้ ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้จงหนัก เพราะผลงานเหนือเมฆที่เฮียยูจารึกไว้จะเป็นเครื่องเปรียบเปรยยากที่จะเทียบรัศมีเพียงไม่กี่ปี เป็นงานหนักและท้าทายสุดขั้วที่ประธานสหพันธ์ฯคนใหม่ถึงสำเหนียกสุดลิ่ม และพร้อมพิสูจน์กึ๋นเพื่อลบสารพัดคำสบปรามาสให้จงได้ เพราะยุทธจักรสิบล้อเมืองไทยล้วนเต็มไปด้วย “เสือ สิงห์ กระทิง แรด”

ถึงกระนั้น แม้เฮียยูจะลงจากตำแหน่งประธานสหพันธ์ฯแล้วก็ตาม แต่บนเส้นทางสายรถบรรทุกของเขายังไม่จบอยู่แค่นี้ เพราะหมวกใบใหม่ที่ถูกสวมใส่มันยิ่งใหญ่และท้าทายกว่าเดิม เป็นอีกหนึ่งบทบาทหน้าที่ที่เป็นบทพิสูจน์กึ๋นในอันที่จะผู้อาสาพัฒนาวงการผู้ประกอบการขนส่งในภูมิภาคอาเซียนให้เกิดความเข็มแข็ง และเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างอาเซียนกรุยทางสู่เป้าหมายเดียวกัน ในฐานะประมุขขนส่งอาเซียน “ประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน”

30_09_2015_asean_trucking_federation_1

นับเป็นหมวกใบใหม่ที่ไฟสปอร์ตไลท์ทุกดวงต่างส่องไปที่ตัว “เฮียยู”ที่จะขันอาสาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งนับจากนี้ไป!

หมวกใบใหม่ที่ใหญ่และไฉไลกว่าเดิม

ทั้งนี้ คุณยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน เปิดอกคุยให้ฟังว่าตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกฯให้ดำรงตำแหน่งนี้ยาวนานหลายสมัย ก่อนอื่นผมก็ต้องขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ได้ให้โอกาสและไว้ใจผมมาโดยตลอด ห้วงเวลาที่ผ่านมาสหพันธ์ฯได้รับการถูกขับเคลื่อนและยกระดับการพัฒนาที่ดีขึ้นโดยลำดับ ทุกคนมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสหพันธ์ฯให้มีความเข้มแข็ง เป็นปึกแผ่นและเป็นที่ยอมรับของสังคม

“ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือในการผลักดันนโยบายและแนวทางปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม ก่อให้ประโยชน์แก่สหพันธ์ฯโดยรวม ถึงกระนั้น นโยบายและแนวทางที่กำลังดำเนินการอยู่ ตลอดถึงแผนงานในอนาคตก็ต้องเป็นหน้าที่ของท่านประธานสหพันธ์ฯคนใหม่ที่จะสานต่อให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี นับเป็นเกียรติของผมและครอบครัวที่ได้รับความไว้วางใจตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้ชีวิตของผมจะประสบความสำเร็จทั้งในด้านครอบครัวและธุรกิจ แต่สิ่งที่ยังห่วงกังวลก็คือการช่วยเหลือพี่น้องรถบรรทุกในวงการเดียวกัน เป็นสิ่งที่ผมไม่อาจวางมือได้ แต่ผมจะไปขออาสาไปพัฒนาวงการขนส่งอาเซียนในบทบาทใหม่ เพื่อผนึกความร่วมมือของพี่น้องขนส่งในภูมิภาคนี้ โดยเป้าหมาย คือ การหาตลาดใหม่ให้กับเหล่าบรรดาสิงห์รถบรรทุกไทย ที่มีประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนเป็นจุดหมายปลายทาง”

ได้เวลาพิสูจน์กึ๋น “ประมุขขนส่งอาเซียน”

อย่างไรกีดี ประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน เล่าต่อไปอีกว่าภายหลัง 8 ชาติอาเซียน ได้แก่ ไทย เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมา ลาว บรูไน และสิงคโปร์ ได้ร่วมลงนาม MOU ในการประชุม AEC Logistics Summit 2015 ที่ประเทศไทย เพื่อร่วมก่อตั้ง ASEAN Trucking Federation (ATF) หรือ สหพันธ์รถบรรทุกแห่งอาเซียน โดยมีผมเป็นประธานฯ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความร่วมมือเครือข่ายของผู้ให้บริการขนส่งทางรถบรรทุกในกลุ่มประเทศอาเซียน และเพื่อยกระดับการพัฒนาและความร่วมมือในทุกๆมิติ อีกทั้งเพื่อสร้างโอกาสและร่วมกันแก้ปัญหาการขนส่งทางบกระหว่างชาติอาเซียนด้วยกัน ภายใต้เป้าหมายการยกระดับการพัฒนาผู้ให้บริการขนส่งไปสู่ความเป็นสากล พร้อมกับเชื่อมโยงความร่วมมืออย่างมีมิติในการพัฒนาอุตสาหกรรมขนส่งในภูมิภาคนี้ให้เข้มแข็ง

นอกจากนี้ คุณยู สรุปปิดท้ายว่าเรายังมีกรอบข้อตกลงเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการขนส่งสินค้าข้ามแดนให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว รวมถึงการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ ตลอดถึงกฎหมายการขนส่งระหว่างประเทศที่ควรจะเชื่อมต่อกันและกัน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมกิจกรรมการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของการขนส่งระหว่างประเทศ และส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจด้านขนส่งสินค้าทางรถบรรทุกอย่างยั่งยืน

“สหพันธ์รถบรรทุกอาเซียนจะเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ที่ดี รวมถึงการร่วมมือกันแก้อุปสรรคการทำธุรกิจระหว่างประเทศผ่านการประชุมหรือวาระต่างๆที่กำหนดขึ้น ถือเป็นการพัฒนาความร่วมมือในระดับภูมิภาคที่สอดรับกับการเปิดเออีซี เป็นโอกาสและก้าวสำคัญของผู้ประกอบการขนส่งในภูมิภาคนี้ในอันที่จะผนึกความร่วมมือกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขัน รวมถึงเป็นการหนุนให้เกิดโอกาสสำคัญในการสร้างมิตรสัมพันธ์ทางธุรกิจ และขยายโอกาสทางการลงทุนและเพิ่มช่องทางการบริการขนส่งที่หลากหลายของชาติสมาชิกด้วยกัน นับจากนี้ก็จะมีการนัดประชุมเพื่อปรึกษาหารือในกรอบความร่วมมือต่างๆโดยผมจะดำรงตำแหน่งประธานฯ 2 ปี จากนั้นก็จะมีการเลือกตั้งประธานฯใหม่อีกครั้ง”

แม้เฮียยูจะได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างกับความสำเร็จที่เคยฝากผลงานเอาไว้ในฐานะประมุขขนส่งไทยภายใต้บริบทประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย แต่ในบทบาทหมวกใบใหม่ที่ใหญ่และไฉไหกว่าเดิมในฐานะประมุขขนส่งอาเซียนนั้น ยังต้องอาศัยระยะเวลาเป็น “บทพิสูจน์” นี่แหล่ะ… เฮีย Yoo (ยู) Go Inter !!