ในที่สุดแล้วไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้ ส่งออกเดือนกันยายน 2561 ลดวูบในรอบ 9 เดือน เหตุจากสงครามการค้าสหรัฐ- จีน ที่ยังมองไม่เห็นทางว่า ทั้งสองประเทศยักษ์ใหญ่ใครจะยอมยก “ธงขาว ” ยอมแพ้ยุติสงครามการค้า หากแต่ผลเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้น จากก่อนหน้านี้มูลค่าส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นดีวันดีคืนต่อเนื่องตลอด นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 61 จนกระทั่งถึงผ่านพ้นกลางปีแล้ว
เป็นไปตามคาดการณ์ของหลายฝ่าย ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์รายงานภาพรวมส่งออกเดือนกันยายนว่า ส่งออกลดต่ำลงจากเดือนกันยายน 2560 กว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 5.2 % หรือลดต่ำลงครั้งแรกในรอบ 19 เดือน
ส่วนแนวทางรับมือผลกระทบของผู้ประกอบการภาคธุรกิจการส่งออกของไทย ซึ่งเป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทย อย่าง เช่น สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) ซึ่งเป็นกลุ่มเอกชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจะแนวทางรับมือสงครามการค้าต่อไปอย่างไรบ้าง
ไพบูลย์ พลสุวรรณา ที่ปรึกษาสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยกับ “ LOGISTICS TIME “ถึงผลพ่วงของสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ ว่า ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่ มูลค่าส่งออกเดือนกันยายนลดต่ำลง เนื่องจากธุรกรรมต่างๆได้เกิดขึ้นไปแล้วในช่วงฤดูกาลร้อนและช่วงฤดูการท่องเที่ยวของต่างชาติ หลังจากนี้อยู่ระหว่างการรอเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ฉะนั้น นับต่อจากนี้สัญญาณส่งออกจะเริ่มต่ำลง นับจากเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน จะมีตัวเลขไม่น่าดูเท่าไหร่ เพียงแต่เปรียบเทียบกับปี 60 ปี ฐานส่งออกของไทยเติบโตเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้น จึงทำให้ปีนี้ส่งออกติดลบมาก แต่ความจริงส่งออก 9 เดือนอัตราเติบโตอยู่ 8.13% ดังนั้นจึงเป็นไปตามคาดการณ์ปี 61 อัตราเติบโตไม่เกิน 9%
ส่วนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้ธนาคารโลกปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของการค้าระหว่างประเทศลงแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากประเทศไทยได้ผ่านการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆทั้งหลายทั้งปวงภายในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งส่งผลทำให้เรามีตลาดหลักที่เป็นตลาดรอบๆบ้านเรารองรับการส่งออกมากขึ้น ขณะที่ตลาดส่งออกอย่างสหรัฐก็มีการเติบโตบ้างาเล็กน้อย รวมทั้ง ตลาดส่งออกในญี่ปุ่นเริ่มเติบโตมากขึ้นจากที่ถดถอยหลายปีเช่นกัน แต่ตลาดส่งออกในจีนน่าเป็นห่วงเพราะติดลบเยอะมาก ซึ่งก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะทำอย่างไร
ไม่เพียงแต่ส่งออกวูบ ยังลามถึงท่องเที่ยวไทย
ไพบูลย์กล่าวว่า กลุ่มสินค้าส่งออกที่ได้รับผลกระทบส่งออกลดต่ำลงในเดือนกันยายนประกอบด้วยกลุ่มสินค้าทองคำ สินค้าน้ำมัน สินค้าเกษตร ยางพารา กลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป แต่อย่างไรก็ตาม ข้าว ผลไม้ กระป๋อง ยังมีสัดส่วนมูลค่าส่งออกได้ดี แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าโอกาสมูลค่าส่งออกยังคงรักษาระดับอยู่ที่ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐไปถึงสิ้นปีนี้ หรือเติบโต 8% และคาดการณ์ส่งออกเดือนตุลา คาดว่าน่าจะลดต่ำกว่าเดือนกันยา และเดือนพฤศจิกายน จะลดตกลงไปอีก แต่ยังคงรักษาระดับ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
“พิษสงครามการค้าสหรัฐ จีน นอกเหนือจากกระทบส่งออกไทยแล้ว คิดว่ายังกระทบไปถึงภาคการท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่เดินทางมาเที่ยวไทยลดต่ำลง เพราะอัตราการส่งออกของการค้าระหว่างสหรัฐ จีน มีส่วนทำให้กำลังการผลิตลดลง จึงส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของประชาชนในจีน ซึ่งกระทบต่อการใช้จ่ายซื้อสินค้าในเทศทางฉลองในช่วงเทศกาลสิ้นปี 2561 นี้ กลายเป็นกระทบต่ออุตสาหกรรมอันเกี่ยวเนื่องกับการให้การบริการ”
แนวทางรับมือแก้ปัญหาท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่หดหายให้กลับมา อยากให้มองในทำนองคนไทยเมื่อเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นบ้าง ถามว่ามีความสุขหรือไม่ ทุกคนไม่ห่วงเรื่องความปลอดภัยไม่ห่วงใครจะมาหลอกลวง ไม่ถูกโกงราคาสินค้า นั่นเป็นหลักคิดเราต้องแก้ไขในระยะยาวให้ได้ ความจริงคนไทยมีอุปนิสัยที่ดี ยิ้มแย้ม แจ่มใสอยู่แล้ว อาจจะมีคนบ้างกลุ่มที่เห็นแก่ตัวเพื่อตัวเอง ทำให้ภาพใหญ่เสียหาย ส่วนในเชิงทฤษฎีก็ว่ากันไป เช่น ค่าธรรมเนียมซีซ่าเป็นเรื่องเล็กน้อย การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวก็ดำเนินการไปเยอะแล้ว ส่วนอาหารไทยก็เป็นอาหารที่อร่อยที่สุด ทั้งหมดเราต้องช่วยกันการแก้ไข รวมทั้ง การเดินทางเส้นทางการขนส่ง ก็เป็นสิ่งสำคัญ
ชูธงตั้งสหกรณ์เกษตร ต้านพิษสงคราม
ไพบูลย์กล่าวอีกว่า ส่วนการส่งเสริมให้มีการใช้สินค้าไทยแบรนด์ไทย เพื่อรับมือสงครามการค้าสหรัฐ จีน ซึ่งยิ่งจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เราต้องยอมรับว่า มูลค่าสินค้าที่เราจ่ายเงินไปแล้วต้องให้ได้สินค้ากลับมาเป็นสินค้าที่มีคุณภาพมากที่สุด เพื่อให้คุมค่ากับเงินที่ใช้จ่ายออกไป ดังนั้น อุตสาหกรรมสินค้าไทยก็ต้องยกระดับคุณภาพตัวเองก็ฝืนความรู้ผู้ซื้อพอสมควรเช่นกัน การกระตุ้นให้ใช้สินค้าไทยดำเนินการมาก่อนหน้าเมื่อ 20 – 30 ปีแล้ว
“ สรท. เป็นกลุ่มผู้ประกอบการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก แต่การผลิตสินค้านั้นก็ควรผลิตให้ตอบโจทย์กับผู้ใช้สินค้าภายในประเทศด้วย จึงไม่ควรผลิตสินค้าให้มี 2 มาตรฐาน หมายถึง การผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกและจำหน่ายภายในประเทศจะต้องไม่มีราคาแตกต่างกันมากนัก จุดเด่นสินค้าไทย อาหารไทยเราโดดเด่นอยู่แล้ว ความเป็นเอกลักษณ์ก็ต้องพูดถึงราคาด้วย ตนต่างชาติเมื่อผลิตสินค้าก็คิดถึงคนทั้งโลก”
นอกจากนี้ แนวทางการรับมือสงครามการค้าสหรัฐ จีน ประการสำคัญอยากแนะนำให้หันมาสนับสนุนกลุ่มสินค้าเกษตรให้มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการร่วมตัวกันเป็นสหกรณ์นั้นได้พูดเคยเรื่องนี้หลายปีแล้ว แต่ที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นสหกรณ์เข้มแข็ง แม้ว่าความจริงสหกรณ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะระดับตำบล อำเภอ จังหวัดก็ตาม แต่ผลดีของการร่วมตัวกันเพื่อซื้อปัจจัยการผลิตกลายเป็นประโยชน์ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง ขณะเดียวกัน สหกรณ์มีหน้าที่ดูแลมาตรฐานคุณภาพของแต่ละสหกรณ์ เพื่อก้าวสู่มาตรฐานสหกรณ์ของประเทศและมาตรฐานของอาเซียน
อีกทั้ง การทำให้สหกรณ์มีการแข่งขันกันระหว่างสหกรณ์สามารถยกระดับเรื่องคุณภาพสินค้า และก้าวไปสู่มาตรฐานการกำหนดราคา ที่เป็นธรรมต่อเกษตรกรโดยสหกรณ์รวมตัวกันหาค่าเฉลี่ยให้ได้ 2 หลักของคุณภาพ ให้ได้ราคาการผลิตที่เหมาะสม ต้นทุนก็ต่ำลดต่ำลง และดูแลการตลาดไม่ได้โยนทิ้ง 30% อย่างทุกวันนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย