ทช.สร้างถนนสาย มห.3019 จ.มุกดาหาร เชื่อมสะพานไทย-ลาว แห่งที่ 2 คืบหน้ากว่า 90% เตรียมเปิดใช้ภายในปีนี้

0
38

ทช.รับนโยบายรัฐบาลสนับสนุนโลจิสติกส์ฮับ- เขตเศรษฐกิจพิเศษ ก่อสร้างถนนสาย มห.3019 จ.มุกดาหาร เชื่อมสะพานไทย – ลาว แห่งที่ 2 ระยะทางรวม 14.211กิโลเมตร คืบหน้ากว่า 90% เตรียมเปิดให้ประชาชนใช้ภายใน 2567 นี้

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย มห.3019 แยก ทล.212 – บ้านบางทรายใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหารซึ่งเป็นเส้นทางที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการขนส่งระหว่างนิคมอุตสาหกรรมกับสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 2 สู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ กาฬสินธุ์ และนครพนม สนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (Special Economic Zone : SEZ) ส่งเสริมการเพิ่มขีดสมรรถนะทางเศรษฐกิจของประเทศ และสอดรับกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในการเป็นศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub) เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ กระจายความเจริญจากเมืองใหญ่สู่เมืองเล็ก

ปัจจุบันโครงการดังกล่าวมีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 90 อยู่ระหว่างการก่อสร้างถนนเชื่อมทางแยกบริเวณจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดโครงการ งานสะพานข้ามทางแยก งานเทผิวจราจร

คอนกรีตเสริมเหล็ก และติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย โดยคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ ในช่วงปลายปี 2567 นี้ สำหรับพื้นที่โครงการตั้งอยู่บริเวณตำบลโพนทราย และตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร มีจุดเริ่มต้นบริเวณ ทล.12 (กม.ที่ 781+000) และไปสิ้นสุดที่บริเวณ ทล.212 (กม.ที่ 414+262) ซึ่งในช่วง 4 กิโลเมตรแรกจะดำเนินการขยายถนนทางหลวงชนบทจาก 2 ช่องจราจร เป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร จากนั้นในส่วนที่เหลือจะดำเนินการก่อสร้างถนนใหม่ทั้งหมดจนไปถึงจุดสิ้นสุดโครงการเชื่อมกับสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 2 โดยก่อสร้างเป็นถนนผิวจราจรแบบคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด 4 ช่องจราจร ไป – กลับ กว้างช่องจราจรละ 3.5 เมตร ไหล่ทางกว้างข้างละ 1.5 – 2.5 เมตร พร้อมสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก 4 แห่ง ติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง เครื่องหมายจราจร สิ่งอำนวยความปลอดภัย และระบบระบายน้ำ ระยะทางรวม 14.211กิโลเมตร

เมื่อโครงการดังกล่าวก่อสร้างแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการคมนาคมขนส่งอย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยและมั่นใจให้แก่ประชาชนที่สัญจรบนเส้นทางดังกล่าว รวมทั้งจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัดในตัวเมือง รองรับการเจริญเติบโตของเมืองในอนาคตได้อย่างเป็นรูปธรรม