เฟดเดอรัล เอ็กซ์เพรสคอร์ปอเรชั่น (Federal Express Corporation) หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้าด่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เผยผลสำรวจใหม่ที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของเส้นทางการค้า (Trade Lane) ระหว่างภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) และยุโรป พร้อมชี้ให้เห็นถึงปัจจัยส่งเสริมและอุปสรรคที่ส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศของธุรกิจทั้งจากประเทศไทยและจากทั่วภูมิภาค
การสำรวจนี้จัดทำขึ้นในเดือนกันยายน 2568 โดยสอบถามความคิดเห็นจากธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จำนวน 850 ราย จาก 13 ตลาดในเอเชียแปซิฟิก และกว่า 1,200 ราย จาก 9 ตลาดในยุโรป เพื่อสำรวจทัศนคติ ความพร้อม และความท้าทายของธุรกิจที่ต้องการขยายโอกาสในการค้าพร้อมพรมแดน ทั้งจากเอเชียแปซิฟิกสู่ยุโรป และจากยุโรปสู่เอเชียแปซิฟิก
ผลการสำรวจเผยให้เห็นถึงการเติบโตที่โดดเด่นของการค้าระหว่างเอเชียและยุโรปโดย 76%ของ SMEs จากเอเชียแปซิฟิกระบุว่าปริมาณการส่งออกของพวกเขาเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยตลาดที่ขับเคลื่อนการเติบโตมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สหราชอาณาจักร (42%) เยอรมนี (40%) และฝรั่งเศส (38%)
ขณะเดียวกัน กลุ่ม SMEs ในยุโรปต่างก็มีความเชื่อมั่นต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไม่แพ้กัน โดย 87% ของธุรกิจยุโรปหันมาปรับสมดุลทางการค้าสู่เอเชียแปซิฟิกมากขึ้น หรือรักษาสมดุลระดับปัจจุบันไว้ โดยตลาดที่ถูกมองว่าจะเติบโตเป็นอันดับต้น ๆ ในช่วงสองปีข้างหน้า ได้แก่ จีน (55%) ญี่ปุ่น (36%) และเกาหลีใต้ (24%) แนวโน้มความเชื่อมั่นเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตการค้าที่เข้มแข็งของเส้นทางการค้าเอเชีย-ยุโรป ที่ล่าสุดมีการเติบโตติดต่อกันถึง 30 เดือน (ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2568) แสดงให้เห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเส้นทางการค้านี้ ที่ต่างส่งผลดีต่อธุรกิจทุกขนาด
โอกาสใหม่ SMEs จากการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการค้า
การเติบโตของการค้าเอเชีย–ยุโรปมีแรงขับเคลื่อนมาจากหลากหลายปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ความต้องการของผู้บริโภคยุโรปที่เพิ่มขึ้น ความได้เปรียบด้านราคาสินค้าและบริการ และโอกาสขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกโดย 68% ของผู้ตอบแบบสอบถามจากเอเชียแปซิฟิกระบุว่าปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้นส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ นอกจากนี้ SMEs ในภูมิภาคอีกกว่า 85% ยังมีแผนที่จะเริ่มต้นหรือขยายการค้ากับยุโรปภายใน 12-24 เดือนข้างหน้า
ในขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจจากยุโรปเองก็ต้องการแสวงหาโอกาสในเอเชียแปซิฟิก โดยถูกดึงดูดด้วยปัจจัยเชิงกลยุทธ์ต่าง ๆ โซลูชันโลจิสติกส์ที่ครอบคลุม และข้อตกลงทางการค้าที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม SMEs จากทั้งสองภูมิภาคต่างเผชิญความท้าทายร่วมกัน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดด้านการค้า กระบวนการศุลกากรที่ซับซ้อน และความผันผวนของตลาดโลก โดยส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของ SMEs ในเอเชียแปซิฟิกถึง 86% และ SMEs ในยุโรปถึง 78%
เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ SMEs จำนวนมากกำลังมองหาเครื่องมือที่เข้ามาช่วยจัดการกับความซับซ้อนเหล่านี้ โดย 30% ของธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก และ 41% ของธุรกิจในยุโรป ต้องการเครื่องมือดิจิทัลที่สามารถเพิ่มศักยภาพในการตรวจสอบสถานะของสินค้าในซัพพลายเชนได้อย่างครอบคลุม ปรับปรุงการจัดส่งให้มีประสิทธิภาพ และลดระยะเวลาในการจัดส่งลง นอกจากนี้ 27% ของ SMEs ในเอเชียแปซิฟิก และ 41% ของ SMEs ในยุโรป ยังต้องการการสนับสนุนด้านศุลกากรมากขึ้น เพื่อช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลง หลีกเลี่ยงความล่าช้า และจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตอบสนองความต้องการค้าเอเชียและยุโรป ด้วยศักยภาพ ความน่าเชื่อถือ และเทคโนโลยีอัจฉริยะ
นายศศธร ภาสภิญโญ กรรมการผู้จัดการ เฟดเอ็กซ์ ประเทศไทย กล่าว “สถานะของประเทศไทยยืนอยู่ในใจกลางการเปลี่ยนแปลงทางการค้าของภูมิภาคเอเชีย เฟดเอ็กซ์ ในฐานะผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระดับโลก จึงพร้อมทำหน้าที่ส่งเสริมให้ธุรกิจไทยสามารถเปลี่ยนความมุ่งมั่นให้กลายเป็นความสำเร็จ ผ่านการมอบโครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูลเชิงลึก และความคล่องตัวที่ช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถรับมือกับความซับซ้อนของการค้าโลกและขยายธุรกิจไปทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราต้องการทำให้การค้าระหว่างประเทศไม่เพียงแต่เป็นไปได้ แต่ยังเป็นโอกาสที่ยั่งยืนสำหรับธุรกิจไทยต่อไปในอนาคต”
เพื่อรองรับการค้าระหว่างสองภูมิภาคที่กำลังเติบโต เฟดเอ็กซ์ได้เพิ่มเที่ยวบินรายสัปดาห์จากเอเชียไปยังยุโรปอีก 5 เที่ยวบินในเดือนนี้ พร้อมยกระดับการเชื่อมต่อระหว่างเวียดนามไปยังยุโรปให้เร็วขึ้น โดยลดเวลาในการขนส่งลงหนึ่งวัน ปัจจุบันเฟดเอ็กซ์ให้บริการเที่ยวบินรายสัปดาห์รวม 26 เที่ยวบิน ที่เชื่อมต่อการขนส่งสินค้าจากเอเชียแปซิฟิกไปยังยุโรป โดยสามารถจัดส่งพัสดุด่วนถึงจุดหมายปลายทางหลัก ในยุโรปได้ภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง[1]
เครือข่ายการขนส่งแบบบูรณาการทั้งทางอากาศและภาคพื้นของเฟดเอ็กซ์เป็นหนึ่งในเครือข่ายการขนส่งที่เร็วที่สุดในยุโรป ทำให้สามารถจัดส่งได้อย่างรวดเร็วทั่วทั้งภูมิภาค เครือข่ายนี้มีศูนย์กลางสำคัญอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และกรุงลีแอจ ประเทศเบลเยียม และมีสถานีรับ-ส่งสินค้ากว่า 550 แห่งใน 45 ประเทศและเขตแดน ที่สามารถรองรับการคัดแยกพัสดุมากกว่าสองล้านชิ้นต่อวัน
เฟดเอ็กซ์ ยังมีโซลูชันดิจิทัลอัจฉริยะหลายรูปแบบและความเชี่ยวชาญด้านการค้าแบบเฉพาะทาง ที่ออกแบบมาเพื่อให้การค้าระหว่างประเทศเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยลูกค้าสามารถดำเนินการด้านศุลกากรได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่านการ อัปโหลดเอกสารการค้าในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่เข้ามาช่วยลดความล่าช้าในการจัดส่ง
ขณะที่ FedEx Import Tool ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามสถานะการเคลียร์สินค้า รับการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ และดาวน์โหลดเอกสารที่จำเป็นได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ เว็บไซต์ Go-To Europe Hub ยังเป็นแหล่งข้อมูลที่รวบรวมสื่อมัลติมีเดีย คู่มือการค้า และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดต่าง ๆ ในยุโรปไว้อย่างครบครัน เพื่อให้ธุรกิจเอเชียแปซิฟิกที่จัดส่งสินค้าไปยังยุโรปมีความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นในการขยายธุรกิจเพื่อเตรียมความพร้อมในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้อย่างมั่นใจ
หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เฟดเอ็กซ์ สนับสนุนธุรกิจทั่วโลกให้สามารถขนส่งสินค้าได้อย่างมั่นใจ โปรดเยี่ยมชม fedex.com/trade






































