เคทีซีกางแผนปี 60 ยึดแนวคิดแบรนด์ใหม่/รับกระแสดิจิทัลก้าวกระโดด /เน้นธุรกิจโตยั่งยืน

0
247

เคทีซีชี้ทิศทางธุรกิจปี 2560 เน้นการดูแลและพัฒนาองค์กรต่อเนื่อง ทั้งภายในและภายนอก เผยแนวคิดใหม่ของแบรนด์ (Brand Core Value) สนับสนุนความกล้าในการเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ใช่และต้องการ เพื่อมุ่งประโยชน์สูงสุดให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรอบด้าน อันจะทำให้เกิดความผูกพัน และนำไปสู่การเป็นแบรนด์ของบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่ได้รับการยอมรับและเลือกใช้มากที่สุด พร้อมเตรียมแผนระยะยาวรองรับแนวโน้มของเทคโนโลยีดิจิทัลที่กำลังมาแรง คาดปี 2560 บริษัทฯ จะทำกำไรเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10%

 9 เดือนฟันกำไร 1,854 ล. NPL ลดเหลือ 1.86%

นายระเฑียร  ศรีมงคล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคทีซีมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องพบกับความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกต่างๆ แต่ด้วยการทำงานที่ใกล้ชิดและการประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงต่างๆ ทำให้เราผ่านพ้นมาได้ด้วยดี และมีตัวเลขสำคัญเติบโตดีกว่าอุตสาหกรรม โดย 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,854 ล้านบาท ด้วยฐานสมาชิกรวมมากกว่า 2.8 ล้านบัญชี พอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเท่ากับ 57,015 ล้านบาท และมีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโตที่ 14% ในขณะที่ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) ลดเหลือ 1.86% NPL บัตรเครดิตลดเหลือ 1.37% และ NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ในระดับเดิมที่ 1.01%

“สำหรับทิศทางการทำธุรกิจของเคทีซีในปี 2560 เพื่อบรรลุแผนในการก้าวสู่แบรนด์ในใจที่สมาชิกชื่นชอบและเลือกใช้ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืนในระยะยาว บริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 องค์ประกอบทางความคิดใหม่ (Brand Core Value) อันได้แก่ 1) ความกล้า กล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง (Courageous) 2) ทำในสิ่งที่ฉลาดและเรียบง่าย (Smart & Simplicity) และ 3) สิ่งที่ทำต้องมีคุณค่า(Meaningful)  ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนให้สมาชิกหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กล้าตัดสินใจที่จะเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ใช่และต้องการ เพื่อชีวิตที่มีความหมาย โดยเป็นการต่อยอดแนวคิดในการสร้างแบรนด์นี้จากภายในองค์กรซึ่งประสบความสำเร็จไปสู่ภายนอกองค์กรให้ครอบคลุมรอบด้าน”

ปี 60 ออกหุ้นกู้ระยะยาว รักษาต้นทุนการเงิน 3.35 % 

นายชุติเดช  ชยุติ  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส – คอร์ปอเรท ไฟแนนซ์ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เคทีซีมุ่งเน้นการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ สถานะทางการเงินโดยภาพรวมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีนี้มีการเจริญเติบโตมากกว่าที่คาดไว้ อย่างไร     ก็ตามในปี 2560 มีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น เคทีซีจึงได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการบริหารต้นทุนเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะเพิ่มสัดส่วนของเงินกู้ระยะยาวมากขี้น เพื่อชะลอผลกระทบของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อต้นทุนเงินให้น้อยที่สุด โดยในปี 2560 เคทีซีมีแผนจะออกหุ้นกู้ระยะที่ยาวขี้นกว่าที่เคยออกไว้เดิม มูลค่าของหุ้นกู้ที่คาดว่าจะออกในปีหน้า รวมประมาณ 16,000-17.000 ล้านบาท และคาดว่าจะรักษาระดับต้นทุนทางการเงินที่ประมาณ 3.35% โดยคาดหมายว่าจะนำเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาเพิ่มวงเงินในการออกหุ้นกู้ระยะยาวอีก 30,000 ล้านบาทในการประชุมสามัญประจำปี เช่นเดียวกับที่เคยได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นมาแล้วในอดีต เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

“เคทีซียังเตรียมความพร้อมรองรับโครงการระบบชำระเงินของประเทศ (National E-Payment) ของภาครัฐที่จะนำเข้ามาใช้ ไม่ว่าจะเป็นระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) ซึ่งเมื่อสามารถรองรับการโอนเงินระหว่างองค์กรธุรกิจด้วยแล้ว ระบบของเคทีซีก็พร้อมจะรองรับการรับชำระเงินและการจ่ายเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ด้วย นอกจากนั้น เคทีซีจะเข้าร่วมในโครงการระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิคส์ (E-Tax System) โดยจะให้ความร่วมมือกับกรมสรรพากรในการพัฒนาระบบเพื่อรองรับ E-Tax SysTem ในเดือนมกราคม 2561 โดยในปัจจุบันเคทีซีเข้าอยู่ในระบบ eFiling ในการนำส่งภาษีประเภทต่างๆกับกรมสรรพากรอยู่แล้ว

ตั้งเป้าปี 60 โต 15 % 

นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – ธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2560 ว่า เคทีซีต้องการเน้นให้บัตรเครดิตเคทีซีเป็นบัตรหลักในการใช้จ่าย เราจึงเน้นความสำคัญในทุกหมวดร้านค้าที่เป็นการใช้จ่ายประจำวัน (Everyday Usage) และการใช้จ่ายตามโอกาสต่างๆ (Occasional Usage) ด้วยการประสานความร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนารูปแบบการตลาดที่ตรงใจ สร้างสรรค์และหลากหลาย โดยออกแคมเปญที่สร้างมูลค่าเพิ่มในแต่ละหมวดสินค้าเป็นระยะๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยมีเป้าหมายการเติบโตในปี 2560 ที่ 15% และคาดว่าจะมียอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ประมาณ 190,000 ล้านบาท

“นอกจากนี้ เคทีซีจะใช้กลยุทธ์ในการรักษาฐานสมาชิกในระยะยาวด้วยโปรแกรมคะแนนสะสม KTC Forever Rewards โดยได้ขยายรูปแบบการใช้คะแนนออกไปหลากหลาย ด้วยการจับมือกับกลุ่มพันธมิตรธุรกิจต่างๆ และเพิ่มช่องทางให้สมาชิกสามารถแลกสินค้าและบริการได้จากจุดให้แลกคะแนนกว่า 3,000 จุด รวมถึงช่องทางออนไลน์อีกด้วย บริษัทฯ ยังคงมุ่งพัฒนาบริการออนไลน์ที่รวดเร็ว ปลอดภัยสูงและง่าย เพื่อให้สมาชิก      เคทีซีทำธุรกรรมรายการต่างๆ ได้มากขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ด้วยตนเองทั้งบนเว็บไซต์ Click KTC และบนสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตผ่านโมบาย แอพพลิเคชั่น (TapKTC) รองรับระบบปฏิบัติการ iOS และแอนดรอยด์ นอกจากนี้     บริษัทฯ จะพัฒนาบริการการเดินทางและท่องเที่ยวแบบครบวงจร (KTC World Travel Services) เพื่อรวบรวมสิทธิประโยชน์หรือส่วนลดครอบคลุมการท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกประเทศไว้ในที่เดียว สำหรับการจองบัตรโดยสาร โรงแรม และสร้างสรรค์โปรแกรมการตลาดอย่างต่อเนื่องและตรงกับความต้องการของลูกค้า”

กลยุทธ์สินเชื่อบุคคล เน้นกิจกรรมตลาดสร้างสรรค์ 

นางสาวสุดาพร  จันทร์วัฒนากุล  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – ธุรกิจสินเชื่อบุคคล    “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจสินเชื่อบุคคล ในปี 2560 ว่า เคทีซีจะเน้นจัดกิจกรรมการตลาดที่สร้างสรรค์ เพื่อรองรับสมาชิกใหม่และรักษาฐานเดิมของสมาชิกสินเชื่อพร้อมใช้ ด้วยกลยุทธ์ 4 แกน คือ 1) ให้สมาชิกธุรกิจสินเชื่อพร้อมใช้ “เคทีซี พราว” (KTC PROUD) สามารถใช้วงเงินสินเชื่อและชำระคืน โดยใช้บริการแบ่งชำระ KTC Flexi ยาวนานถึง 36 เดือนในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2) การเพิ่มและขยายฐานสมาชิกใหม่ครอบคลุมถึงการอนุมัติสินเชื่อที่รวดเร็วและรับเงินได้ทันที ผ่านโครงการ “CASH@KTC Touch สมัครง่ายอนุมัติไวรู้ผลภายใน 30 นาที และบริการเบิกถอนเงินสดแบบออนไลน์ ผ่านโมบายแอพพลิเคชั่น “TapKTC” หรือผ่านเว็บไซต์และเข้าทำรายการใน “Click KTC” ซึ่งสะดวกสบายและเหมาะกับสมาชิกในยุคดิจิทัล3) การแบ่งเบาภาระหนี้และค่าใช้จ่ายโดยพิจารณาถึงความต้องการลูกค้าเป็นสำคัญ 4) การสร้างความพึงพอใจสมาชิกเพื่อสร้างความผูกพันกับผลิตภัณฑ์ในระยะยาว ทั้งนี้ ในปี 2560 บริษัทฯ มีเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตธุรกิจสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 15%”

กลยุทธ์ช่องทางจัดจำหน่ายปี 60 มุ่งขยายกลุ่มคนรุ่นใหม่

นายปิยศักดิ์ เตชะเสน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส – ช่องทางการจัดจำหน่าย และธุรกิจร้านค้า “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกลยุทธ์การบริหารช่องทางจัดจำหน่ายและธุรกิจร้านค้าในปี 2560 ว่า เคทีซีจะมุ่งขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงาน และกลุ่มพนักงานประจำที่อาศัยในกรุงเทพฯ และในเขตเมืองที่มีกำลังซื้อสูงในระดับเดียวกัน ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่กลุ่มลูกค้าเดินทางไปค่อนข้างสูง โดยช่องทางธนาคารกรุงไทย ถือเป็นช่องทางหลักในการขยายฐานสมาชิก โดยมีสัดส่วนถึง 55% เมื่อเทียบกับช่องทางอื่น อย่างไรก็ดี ด้วยพฤติกรรมของประชากรในเขตเมืองที่ปรับเปลี่ยน และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำธุรกรรมบนออนไลน์มากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า กลยุทธ์การขยายฐานผลิตภัณฑ์ในปีหน้า เคทีซีจึงมุ่งเน้นที่จะเติบโตบนช่องทางการสมัครทางออนไลน์ โดยเคทีซีจะเชิญชวนให้ลูกค้ามาสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของเคทีซี ทั้งเว็บไซต์ โมบายแอพพลิเคชั่น เฟซบุ๊ค รวมถึงจะร่วมมือกับพันธมิตรที่ทำธุรกิจด้านการรับสมัครบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลผ่านออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น เช่น Silkspan, Interspace, Masli และพันธมิตรอื่นๆ ในอนาคต โดยตั้งเป้าจำนวนสมาชิกใหม่ของเคทีซีในปี 2560 เท่ากับ 560,00 ราย แบ่งเป็นสมาชิกบัตรเครดิต 400,000 ราย และสินเชื่อบุคคล 160,000 ราย

“ด้านการบริหารธุรกิจร้านค้ารับบัตร เคทีซีจะรุกเข้าธุรกิจประเภทใหม่ๆ และการขยายสู่ตลาดต่างจังหวัด โดยทำงานร่วมกับธนาคารกรุงไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจร้านค้ารับบัตรให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นทำการตลาดทั้งแบ่งชำระ (Flexi) และการชำระเต็มจำนวน รวมถึงการขยายสมาชิกร้านค้าในช่องทางของ e-Commerce เนื่องจากเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่มีการเลือกซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น ปัจจุบันเคทีซีมีมูลค่าการซื้อขายผ่านธุรกิจร้านค้าประมาณ 53,022 ล้านบาท และจำนวนร้านค้าประมาณ 14,800 แห่ง โดยในปี 2560 บริษัทฯ มีเป้าหมายเติบโตของธุรกิจร้านค้าผ่านช่องทางออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น”

นายระเฑียรกล่าวเพิ่มเติม เคทีซีมีเป้าหมายในการรุกธุรกิจทุกกลุ่ม ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล ร้านค้า การบริหารช่องทางจัดจำหน่ายและออนไลน์ รวมทั้งสร้างทางเลือกต่างๆ เพื่อตอบความต้องการของลูกค้าในการชำระค่าใช้จ่ายผ่านแพลทฟอร์มการชำระเงินใหม่ๆ ด้วยบัตรเครดิต (Card/Payment Platform) เพื่อรองรับกระแสของเทคโนโลยีดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงของระบบ National E-Payment ตลอดจนธุรกิจฟินเทคที่กำลังมา โดยคาดว่าในปี 2560 บริษัทฯ จะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% และจะรักษาระดับของ NPL ให้อยู่ในระดับเดียวกันกับปี 2559