พาณิชย์ฯกูรูแนะกลยุทธ์ “เจาะลึกเส้นทางสู่ความเป็นเลิศโลจิสติกส์ไทย”

0
273

“ธุรกิจบริการด้านโลจิสติกส์” ถือเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนการค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ จึงจัดสัมมนา “เจาะลึกเส้นทางสู่ความเป็นเลิศของโลจิสติกส์ไทย” ขึ้นในระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม ที่ผ่านมา ณ ห้องแชมเบอร์ โรงแรมเอส31 สุขุมวิท กรุงเทพฯ

ภายในงานนางชฎา บุญจรรักษาการนักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ สำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวถึงความสำคัญของการจัดสัมมนาครั้งนี้ ว่า การเปิดเสรีธุรกิจบริการที่มีทั้งโอกาสทางธุรกิจและแรงกดดันจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจการค้าของไทย ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งประเมินศักยภาพขององค์กรและแสวงหาแนวทางพัฒนาธุรกิจเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

การสัมมนาครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ให้บริการโลจิสติกส์และผู้ประกอบการค้าระหว่างประเทศที่จะได้รับฟังแนวทางและกลยุทธ์การพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การบริหารจัดการตามหลักมาตรฐานระดับสากล โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ได้รับรางวัลความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ (ELMA) ซึ่งมาร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญ 7 ด้าน ได้แก่ 1) ยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์ทางธุรกิจ และการนำองค์กร 2) การวางแผนและการปฏิบัติงานด้านโลจิสติกส์3) การให้ความสำคัญกับลูกค้าและการตลาด 4) การใช้ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีที่สนับสนุนกิจกรรมด้านโลจิสติกส์5) การให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ 6) การจัดการกระบวนการโลจิสติกส์ และ7) สมรรถนะและผลลัพธ์ทางธุรกิจ

ด้าน นายนพพร เทพสิทธาประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และคณบดีกิตติคุณ วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยศรีปทุมให้เกียรติปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “โลจิสติกส์4.0 ความท้าทายก้าวต่อไปของประเทศไทย” โดยเผยให้เห็นแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงด้านการค้า ว่า โลกกำลังก้าวเข้าสู่ความเป็นSmart Worldภาคธุรกิจต้องเผชิญกับคลื่นยักษ์ทางเศรษฐกิจระลอกใหม่ซึ่งเป็นดิจิทัลสึนามิที่พัดพาทั้งโอกาสและภัยคุกคามมายังผู้ประกอบการไทย

“เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการโลจิสติกส์และการค้าระหว่างประเทศมากขึ้นอีคอมเมิร์ซทำให้การสั่งซื้อเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ส่งผลให้การจัดส่งต้องเปลี่ยนรูปแบบจากช่องทางเดียว (Single-Channel) ไปสู่การประสานทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (Omni-Channel) ผู้ประกอบการที่อยากจะแข่งขันได้ในโลกการค้ายุคใหม่ ต้องพัฒนาตนเองให้เป็นสมาร์ตโลจิสติกส์ที่สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายการให้บริการแบบครบวงจร โดยมี 3 ปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่ IoT(Internet of Things) การเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อระหว่างธุรกิจและผู้บริโภค Big Data การรวบรวมข้อมูลเพื่อการพยากรณ์ทางธุรกิจที่แม่นยำ และ AI (Artificial Intelligence) การหล่อหลอมปัญญาจากวิชาการต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยีหรือเครื่องมือใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดได้ท่ามกลางการแข่งขันทุกรูปแบบ”นายนพพรกล่าว

นายจิรภัทร ธนโชติกีรติ ตัวแทนคณะกรรมการพิจารณารางวัล ELMA กล่าวถึงความสำคัญของ“เทคโนโลยี โอกาส และความท้าทายโลจิสติกส์ยุคอัจฉริยะ” ว่า เทคโนโลยีคือความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถสร้างเทคโนโลยีที่เหมาะกับองค์กรของตนเองได้ เริ่มจากกำหนดเป้าหมายของธุรกิจว่าต้องการเดินไปในทิศทางใดแล้วต้องหันกลับมาตรวจสอบศักยภาพและความพร้อมขององค์กร เก็บข้อมูลจากทุกแผนกภายใน รวมถึงลูกค้าซึ่งเป็นปัจจัยภายนอก เพื่อนำมาเป็นกรอบในการพัฒนาเทคโนโลยีซึ่งอาจเป็นระบบ แบบแผน หรือเครื่องมือที่ใช้ขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย

“โลกการค้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว องค์กรจึงจำเป็นต้องมีฐานข้อมูลและบุคลากรที่สามารถประยุกต์ใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยี รวมทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้เท่าทันความต้องการของลูกค้า โดยโจทย์สำคัญของผู้ประกอบการโลจิสติกส์ในยุค 4.0 คือต้องหาวิธีที่จะลดขั้นตอนในการทำงานให้สะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง เพื่อเติมเต็มความต้องการลูกค้าให้ได้มากที่สุด (Customers Fulfillment)จึงจะทำให้ธุรกิจเติบโตและแข่งขันได้”นายจิรภัทรกล่าว

ภายในงานยังมีการเสวนาหัวข้อวางแผนกลยุทธ์ สู่ผลลัพธ์ทางธุรกิจ และหัวข้อทรัพยากรมนุษย์ ปัจจัยแห่งความสำเร็จทางธุรกิจโลจิสติกส์ โดยนายอุดม ศรีสงคราม กรรมการผู้จัดการ บริษัท วี. คาร์โก จำกัด ซึ่งได้รับรางวัล ELMA ประจำปี 2560ได้เผยถึงมุมมองในเรื่องดังกล่าวว่า“จุดเริ่มต้นของการวางกลยุทธ์ คือ ต้องรู้จักตนเอง ด้วยการทำ SWOTวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค รวมทั้งศึกษาปัจจัยภายนอกทั้งภาวะเศรษฐกิจ เทรนด์ผู้บริโภค และเทคโนโลยี เพื่อใช้เป็นข้อมูลกำหนดกลยุทธ์และเป้าหมายทางธุรกิจโดยการเข้าประกวดรางวัลELMAถือเป็นประสบการณ์สำคัญที่ช่วยให้บริษัทมองเห็นแนวทางที่ชัดเจนในการทำSWOTได้เข้าใจศักยภาพที่แท้จริงและนำข้อมูลมาปรับปรุงกระบวนการทำงานรวมถึงพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ เข้าใจวัฒนธรรมองค์กร พร้อมนำพาธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งตลอดเวลา 3 ปีที่ วี. คาร์โก มุ่งมั่นจนคว้ารางวัลELMA ได้สำเร็จนับเป็นความภาคภูมิใจ นอกจากรางวัลการันตีคุณภาพและสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าแล้ว ความรู้ที่ได้รับยังเป็นประโยชน์ที่ช่วยให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น”

ขณะที่นายเฉลิมศักดิ์ กาญจนวรินทร์กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮาชเคมโลจิสติกส์แมเนจเมนท์ จำกัดซึ่งได้รับรางวัล ELMA ประจำปี 2551, 2552 และ 2554ร่วมแสดงทัศนะในประเด็นเดียวกันว่า “การกำหนดวิสัยทัศน์ต้องเริ่มจากการมีส่วนร่วมของทุกคนในองค์กร พนักงานควรเห็นเป้าหมายเดียวกันและเข้าใจกระบวนการทำงานขององค์กรเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความสำเร็จสำหรับการบริหารจัดการบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องให้ความสำคัญกับการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมกับงาน มีการฝึกอบรมและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อให้บุคลากรสามารถปฏิบัติงานและปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานได้หลากหลาย อีกทั้งควรส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และสนับสนุนการเติบโตในอาชีพ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพ พร้อมทำงานตอบสนองความต้องการของลูกค้านำไปสู่การสร้างคุณค่าที่ดีให้กับองค์กร”

สำหรับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่สนใจเข้าร่วมประกวดรางวัล ELMA ประจำปี 2561 สามารถค้นหาข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ www.tilog-logistix.com  สมัครได้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน- 8 มิถุนายน 2561