“นิตินัย” มั่นใจสุวรรณภูมิ เฟส 2 เปิดบริการกลางปี 63

0
494
ทอท.แจงคืบหน้าสุวรรณภูมิ เฟส 2 มั่นใจ พ.ย.ปี 62 เสร็จ เปิดบริการกลางปี 63 ปรับแบบงานขยายอาคารฝั่งตะวันออกไปตะวันตกแทน หลังส่งผลกระทบผู้โดยสารหนัก
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 (เฟส 2)ว่า ขณะนี้ ทอท.ได้ประกวดราคาเพื่อก่อสร้างเกือบครบทุกสัญญาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานโครงสร้างและงานระบบหลัก)งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค งานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น 2 – 4) และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้(งานระบบย่อย)และงานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ(เอพีเอ็ม) เป็นต้น
“ภาพรวมการก่อสร้างพบว่ามีบางงานที่เร็วกว่ากำหนด และบางงานก็ล่าช้ากว่าที่กำหนดบ้าง แต่มั่นใจว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด คือเดือนพฤศจิกายน 62 เพื่อดำเนินการทดสอบระบบ ซึ่งจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 ไตรมาส และจะสามารถเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ได้ในกลางปี 63 ขณะนี้ที่ยังมีปัญหา คืองานจ้างก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันออก อาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก เนื่องจากการเปิดหน้างานจะส่งผลกระทบต่อการให้บริการผู้โดยสารเป็นอย่างมาก และจะต้องทุบกระจกบริเวณฝั่งที่ติดเคาน์เตอร์เช็กอินของการบินไทย ซึ่งจะส่งผลต่อพื้นที่การให้บริการที่ลดลงประมาณ 30% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารที่ใช้บริการเป็นอย่างมาก ดังนั้นทาง ทอท.จึงได้หารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนการก่อสร้างใหม่ โดยจะย้ายไปก่อสร้างฝั่งตะวันตกก่อน หลังจากนั้นจะกลับมาทำฝั่งตะวันออก”
 
นอกจากนี้ นายนิตินัย กล่าวอีกว่าสำหรับร่างเงื่อนไขการประกวดราคา(ทีโออาร์)นั้น ในส่วนของอาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถนั้นได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ก็จะเหลืองานขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันตก โดยทั้งหมดนี้จะสามารถประกวดราคาได้ในปีนี้แน่นอน ตั้งเป้าหมายแล้วเสร็จกลางปี 63 จากนั้นก็จะมีการทดสอบระบบเพื่อเปิดให้บริการต่อไป
“งานขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันตก จะยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้พร้อมกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 แต่ทาง ทอท.ก็จะใช้วิธีบริหารจัดการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแออัดขึ้นในจุดใดจุดหนึ่งแทน เพราะเมื่ออาคารเทียบเครื่องบินรองเสร็จแล้วก็จะมีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มมากขึ้น”นายนิตินัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการดังกล่าว แบ่งการประกวดราคาออกเป็น 7 สัญญา วงเงินรวมประมาณ 62,500 ล้านบาท เพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นเป็น 60 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันรองรับได้ 45 ล้านคนต่อปี
ทั้งนี้  สำหรับการเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ หรือพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อทดแทนบริษัท คิงเพาเวอร์ ที่จะหมดอายุสัญญาลงในสิ้นเดือน กันยายน 63 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเอกสารประกวดราคาหรือทีโออาร์ ที่ใกล้จะแล้วเสร็จ ยังติดเพียงแค่รายละเอียดบางเรื่อง เช่น การแบ่งสัญญาพื้นที่ การแบ่งหมวดรายการสินค้า เป็นต้น เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขัน รวมถึงต้องคำนึงถึงความสะดวกของผู้โดยสารด้วย ดังนั้นคงต้องพิจารณาข้อดีข้อเสีย เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด ทั้งนี้มั่นใจว่าภายในสิ้นปี61 นี้ จะต้องได้ผู้ชนะการประมูลรับสัมปทานรายใหม่แน่นอน