อหิวาต์แอฟริกาในสุกร…ถึงเวลาไทยต้องตระหนัก

0
155

โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF) ที่ระบาดหนักในจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกเนื้อสุกรรายใหญ่ที่สุดของโลก มาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ต้องเร่งฆ่าหมูมากกว่า 24,000 ตัว ใน 4 มณฑล เพื่อตัดวงจรของโรค ล่าสุด องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้ออกมาเตือนสถานการณ์โรคนี้ว่าอาจลุกลามไปยังพื้นที่อื่นในทวีปเอเชีย 

แม้ว่าโรคนี้จะเป็นโรคระบาดประจําถิ่นของประเทศในอนุภูมิภาคซาฮาราของทวีปอัฟริกา เกาะมาดากัสการ์ และเกาะซาดิเนียของอิตาลี ก็ตามแต่การรุกคืบของโรคสู่จีนดังกล่าว ได้สร้างความหวั่นวิตกให้กับผู้เลี้ยงหมูทุกประเทศ เพราะเชื้อไวรัสนี้มีชีวิตอยู่ได้นานในสภาพแวดล้อมปกติ ปัจจุบันยังไม่มีทั้งวัคซีนป้องกัน และไม่มียาที่รักษาโรคนี้ได้

สิ่งที่สามารถทำได้ คือ “การใช้มาตรการป้องกันและควบคุมโรค” สำหรับประเทศที่ยังไม่เคยพบการระบาดของโรค จะต้องเข้มงวดมาตรการนำเข้าสินค้าและผลิตภัณฑ์จากหมู เพิ่มความระมัดระวังในการนำเข้าพันธุ์หมูที่จะนำมาเลี้ยง หมูป่า เนื้อและผลิตภัณฑ์จากเนื้อ รวมถึงน้ำเชื้อ ตัวอ่อน ฯลฯ รวมทั้งกักกันอาหารและวัตถุที่อาจมีความเสี่ยงที่ถูกนำเข้ามาในประเทศ

ส่วนการเลี้ยงสัตว์ก็ต้องควบคุมให้หมูอยู่เฉพาะที่ ควรเลี้ยงหมูอยู่ในคอก โรงเรือน หรือพื้นที่เฉพาะไม่ปล่อยให้ออกหากินภายนอก เพื่อไม่ให้ขุดคุ้ยกินเศษขยะและลดโอกาสสัมผัสกับเห็บอ่อนซึ่งเป็นพาหะนําโรคที่สำคัญ  และไม่ให้สัมผัสกับหมูป่าที่เป็นแหล่งโรคตามธรรมชาติ

ขณะเดียวกันก็ต้องเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ให้กับเจ้าหน้าที่และเกษตรกร เพื่อสร้างความตระหนักรับรู้เกี่ยวกับโรคนี้ และเป็นเครือข่ายการแจ้งโรคในกรณีพบหมูเกิดป่วยตายผิดปกติ ที่สำคัญควรมีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ที่ดีโดยส่งเสริมให้เกษตรกรยกระดับการเลี้ยงให้มีระบบสุขาภิบาลทีดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการป้องกันโรคระบาดต่างๆในหมูไม่เฉพาะโรค ASF เท่านั้น

สำหรับประเทศไทยแม้ว่าจะไม่มีประวัติการระบาดของโรคดังกล่าวมาก่อนก็ตาม รวมถึงโรค ASF จะเป็นโรคที่พบเฉพาะในสัตว์ และไม่มีอันตรายต่อมนุษย์ แต่ไทยยิ่งต้องตื่นตัว เฝ้าระวัง และเร่งป้องกันทุกวิถีทาง โดยเฉพาะ การปราบปรามการลักลอบนำเข้าหมูและเครื่องในหมูเถื่อน ที่ทุกวันนี้ยังพบว่ามีการลักลอบนำเข้ามายังประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย ด้วยฝีมือกองทัพมดที่แอบลักลอบขนสินค้ามาตามแนวตะเข็บชายแดน โดยไม่ผ่านด่านตรวจเพื่อนำมาขายทำกำไรในบ้านเรา ที่ถือเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งในการรับเอาเชื้อโรคที่ติดมากับสินค้าเหล่านี้ ซึ่งอาจกลายเป็นชนวนเหตุของการนำเอาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรมาแพร่ในประเทศไทย

วันนี้แม้ภาครัฐจะวางมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโรคระบาดในสัตว์ ตามพื้นที่เสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวชายแดนและด่านพรมแดนต่างๆ มากเพียงใดก็ตาม แต่การดำเนินการนับจากนี้จะต้องเข้มงวดมากกว่าเดิมอีกเป็นทวีคูณ ให้เหมือนกับไต้หวันที่ออกมาตรการคุมเข้มเรื่องนี้อย่างจริงจังเป็นประเทศแรก เพื่อป้องกันโรคนี้อย่างถึงที่สุด

ที่สำคัญต้องเร่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าหมูและเครื่องในหมู ไม่ให้มีกองทัพมดหรือผู้ประกอบการหัวหมอที่เห็นแต่ประโยชน์ของตนเอง ลักลอบเอาสัตว์ เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศ ขณะเดียวกันประชาชนทุกคนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องไม่ให้กลุ่มคนเหล่านี้นำเชื้อโรคแฝงเข้ามาทำลายประเทศไทยได้ เพราะหากโรค ASF ผ่านเข้ามาถึงบ้านเราแล้ว นั่นเท่ากับหายนะที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมหมูไทยอย่างแน่นอน

บทความโดย ปฏิภาณ กิจสุนทร: patipankijsoonthorn@gmail.com