สมาร์ท ซิตี้” กับผังเมืองและอีอีซี

0
520

“…แปดริ้วแห่ขึ้นป้าย“เขตปลอดอีอีซี” ต้านเจ้าสัวไล่ฮุบที่สร้างเมืองใหม่ ….”
ยังคงเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” กับเรื่องที่ชุมชนชาวโยธะกา อำเภอบางน้ำเปรี้ยว ออกโรงต่อต้านการรุกคืบเข้ามาของกลุ่มทุนเจ้าสัวกระเป๋าหนักทั้งหลาย โดยยืนยันจะไม่ยอมโยกย้ายหรือยินยอมให้หน่วยงานรัฐไหนเอาผืนนาอันอุดมสมบูรณ์ไปสร้างเมืองใหม่ Smart City รองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี
โดยเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ชาวนาหลายหมู่บ้านในตำบลโยธะกา อำเภอบางน้ำเปรี้ยว เขตติดต่อหรือรอยต่อกับจังหวัดปราจีนบุรี ในนาม”กลุ่มโยทะการักษ์ถิ่น” กว่า 100 คน ได้รวมตัวกันอ่านคำประกาศยืนยันสิทธิ์อันชอบธรรมในฐานะผู้บุกเบิก แผ้วถาง หว่านไถ พลิกผืนป่ารกทึบให้กลายเป็นพื้นนาอันอุดมสมบูรณ์ โดยประกาศจะร่วมกันปกป้องผืนแผ่นดินของบรรพบุรุษ ไม่ยอมอพยพโยกย้ายไปไหน และไม่ยอมให้นายทุนกว้านเอาผืนนาเกษตรอันอุดมสมบูรณ์ไปทำ “เมืองใหม่” รองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษอีัอีซี เป็นอันขาด
ในแถลงการณ์ของกลุ่มโยธะการักษ์ถิ่นระบุว่าบรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตายาย ได้บุกเบิกแผ้วถางพลิกผืนแผ่นดินที่รกทึบแห่งนี้มานับร้อยปีจนกลายเป็นผืนนาอุดมสมบูรณ์ แต่ขณะนี้ชาวนาผู้เช่าที่ดินที่เป็นคนส่วนใหญกำลังถูกรุกไล่จากการยกเลิกสัญญาเช่าและจะมีการส่งมอบที่ดินดังกล่าวไปให้กับนายทุนที่ต้องการเข้ามากว้านซื้อที่ดิน รวมทั้งเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ เพื่อดำเนินโครงการ Smart City รองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ซึ่งหากชาวชุมชนโยทะกาไม่ออกมาปกป้อง ต่อสู้สิทธิของตนเองก็เชื่อแน่ว่า ผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้จะต้องสูญสลายไป กลายเป็นชุมชนเมืองแทน ดังนั้นพวกเขายืนยันจะรักษาผืนแผ่นดินเกิดของของบรรพบุรุษให้คงอยู่สืบไป โดยจะไม่ยอมอพยพโยกย้ายไปไหน จะขอต่อสู้เพื่อรักษาแผ่นดินที่นาอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ให้คงอยู่สืบชั่วลูกชั่วหลานต่อไป
ก็ไม่รู้ว่าเมืองใหม่ “สมาร์ทซิตี้” ที่ “เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์” แห่งเครือซี.พี.ที่กำลังมีแนวคิดจะเนรมิตร ข้ึนมาบนเนื้อที่ประมาณ 10,000 ไร่ที่จะไปเชื่อมโยงกับรถไฟความเร็วสูง “ไฮสปีดเทรน”เชื่อม 3 สนามบินนั้นแผ่ขยายมาถึงชุมชนชาวโยธะกา บางน้ำเปรี้ยว เขตติดต่อกับอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรีด้วยหรือไม่ เพราะหากดูจากแผนที่และเส้นทางรถไฟฟ้าแล้วไม่น่าจะเกี่ยวกัน เพราะรถไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบินน้ันน่าจะเกาะแนวเส้นทางมอเตอร์เวย์ สาย 7 แถบอำเภอบ้านโพธิ์และแปลงยาว เป็นหลัก
เรื่องของแนวคิดในการเนครมิตรหรือสร้างเมืองใหม่ จะ “สมาร์ทซิตี้” หรือ “มหานครการบินอู่ตะเภา” หรือ “อีโค่ คอมมูนี่ตี้” เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม หรือเมืองสุขภาพรองรับผู้สูงอายุ จะในเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี หรือเมืองบริวารที่นัยว่าจะขยับขยายออกไปถึงปราจีนบุรี  สระแก้ว และจันทบุรีน้ัน สำหรับ “เนตรทิพย์”แล้ว คงไม่อินังขังขอบอะไรหรอกครับ
แต่สิ่งที่อยากเห็นและเป็นไปนั้น ก่อนที่รัฐจะปักหมุดหรือเปิดให้นักลงทุนภาคเอกชนปักหมุดพัฒนาที่ดิน พัฒนาเมือง หรือผุดสมาร์ทซิตี้ อีโค่คอมมูนิตี้ หรือชุมชนรักสุขภาพอะไรก็ตามแต่ รัฐควรมีการกำหนดผังเมืองที่มีความชัดเจนเสียก่อนก่อน
สอดคล้องกับที่ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหารศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ฟอร์เรียลเอสเตทแอฟแฟร์ส หรือ AREA ที่ออกมาเตือนสติรัฐก่อนหน้านี้ กรณีมีข่าวเจ้าสัวซี.พี.เตรียมกว้านซื้อที่ดิน 2 อำเภอระหว่างอำเภอบ้านโพธิ์ และแปลงยาวร่วม 10,000 ไร่เพื่อผุดเมืองใหม่“สมาร์ทซิตี้” รองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเชื่อมต่อโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ -อู่ตะเภา)นั้นว่า การที่รัฐจะปล่อยให้เจ้าสัวกว้านซื้อที่ดินผุดเมืองใหมขึ้นมา โดยไม่มีการวางผังการใช้ที่ดินให้สะเด็ดน้ำก่อน่นั้เป็นเรื่องไม่สมควรเป็นอย่างย่ิง และความเคลื่อนไหวที่ว่านี้เองที่ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย เหตุใดจังหวัดฉะเชิงเทราถึงยังไม่ประกาศผังเมืองรวมของตนเองออกมาเสียที  เลยพาลให้นึกไปว่าคงเพราะพวกเจ้าสัวหรือกลุ่มทุนใหญ่ๆ ยังรวบรวมที่ดินไม่เสร็จ
“ขืนผังเมืองออกมาก่อน และกำหนดให้เป็นพื้นที่สงวนเพื่อเกษตรกรรม เหล่าเจ้าสัวก็เจ๊งกันหมด ซ่ึงปกติแล้วในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหลายเขากำหนดเป็นเขตเล็กๆ คล้ายกับเมืองใหม่ หรือนิคมอุตสาหกรรม แต่นี่เรากำหนดทั้ง 3 จังหวัดและสามารถขยายได้ 6-7 จังหวัดในภาคตะวันออกโดยไม่ต้องออกพระราชบัญญัติใหม่”
พร้อมกับตั้งข้อสังเกตุว่านานาอารยประเทศเขาจะมีการวางผังเขตเศรษฐกิจพิเศษ รัฐบาลควรกำหนดไว้เลยว่า ตรงไหนจะทำอะไร เพื่อให้เกิดการประสานสัมพันธ์กับแผนผังอื่นๆ การจะเวนคืนที่นับหมื่นนับแสนไร่ก็ต้องมีการจ่ายค่าทดแทนที่เป็นธรรม ที่เวนคืนตรงไหนจะนำมาทำอะไร ไม่ใช่ปล่อยให้เจ้าสัวไปกว้านซื้อที่ดินตามชอบใจแล้วค่อยมาบรรจุลงไปในแผน อย่างนี้จะเป็นการเอื้อนายทุน เอื้อต่างชาติ โดยคนไทยแทบไม่ได้อะไร
ดร.โสภณ ยังได้ยกตัวอย่างประเทศนิวซีแลนด์ที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์ได้ผ่านกฏหมาย ห้ามต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากที่ผ่านมา ชาวต่างชาติซื้อไว้มาราว 3%  แม้แต่นครควีนส์ทาวน์ ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศทางเกาะใต้ ก็มีชาวต่างชาติซื้อบ้านไว้ราว 5% โดยเฉพาะที่นครโอ๊กแลนด์ปรากฏว่า 22% ของที่อยู่อาศัยเป็นของชาวต่างชาติไปแล้ว
ทั้งนี้ ข้อห้ามต่างชาติซื้อบ้านในนิวซีแลนด์นี้ ก็มีข้อยกเว้นบางประการสำหรับชาวออสเตรเลียและสิงคโปร์ที่ได้รับสถานะเป็นผู้อยู่อาศัยในนิวซีแลนด์ ยังสามารถซื้อบ้านในนิวซีแลนด์ได้เพราะทั้งสองประเทศมีข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกันอยู่  แต่ผู้ซื้อรายใหญ่เช่น จีน หรือสหรัฐอเมริกาจะไม่สามารถซื้อบ้านได้อีกต่อไป ทำให้การซื้อขายบ้านลดลง ราคาบ้านจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นแต่ก่อน ผลประโยชน์ก็จะตกแก่ประชาชนคนนิวซีแลนด์ ที่ไม่ต้องทนซื้อบ้านในราคาสูงจากการที่ถูกต่างชาติป่ันราคาน่ันเอง
ส่วนประเทศไทยเราแม้ สนช.จะทำคลอด พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 หรือ พรบ.อีอีซีไปต้ังแต่ 15 พฤษภาคม 2561 รองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่ในส่วนของการวางผังเมืองก็ยังไม่มีความชัดเจน ทำให้ที่ผ่านมาทุนยักษ์หลายรายแห่ลงไปกว้านซื้อที่ดินเตรียมผุดโครงการกันคึกคัก ทั้งกลุ่มเจ้าสัวเจริญ เครือ ซี.พี. กลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจ ไม่รวมทุนท้องถ่ิน
เมื่อรัฐมีแผนจะสร้างเมืองใหม่สมาร์ทซิตี้ เมืองหรือมหานครการบิน เมืองสุขภาพรองรับผู้สูงอายุ จึงทำให้เกิดการป่ันราคาที่ดินกันขนานใหญ่ แต่ไม่มีใครรู้ว่า “ผังเมืองที่ควรจะเป็น” ควรจะออกมาในรูปแบบใดต้องไปรอลุ้นกันในวันที่อะไรๆ ก็ยุ่งขิงมั่วกันไปหมดน่ันแหล่ะ!!!
:เนตรทิพย์