EXIM BANK ชี้ทางรุ่ง SMEs ด้วยเทคโนฯดิจิทัลรับมือโลก Next Normal

0
91

ภายใต้ผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงวิถีโลก NEW NORMAL ฝ่าวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 เวลานี้ถนนทุกสายทั่วโลกล้วนพุ่งเป้าไปสู่การเปลี่ยนเทรนด์โลกเพื่อรับมือโลก Next Normal ที่ทุกอย่างบนโลกนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปทั้งสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

เป็นสิ่งที่ท้าท้ายอย่างมากที่องคาพยพจะปรับกระบวนทัพอย่างไรเพื่อตั้งรับมือโลก Next Normal โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดกลางที่ยังขาดความพร้อม ภายในงานสัมมนาออนไลน์Transformation ทางรอด SMEs”ที่ทาง EXIM BANK ได้จัดขึ้นเพื่อสะท้อนมุมมองและแนะแนวทางให้กับภาคธุรกิจ SMEs ได้ปรับตัวเพื่อรับ Next Normal ท่ามกลางแรงต้านและกระแสการเปลี่ยนแปลงรอบทิศทางไว้ได้อย่างสนใจ

EXIM BANK พร้อมให้บริการครบวงจรสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs เร่งปรับโฉมธุรกิจรับมือโลก Next Normal โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลปรับปรุงกระบวนการผลิต การค้า และการขนส่ง รวมทั้งการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยา

เทคโนโลยีดิจิทัลตอบโจทย์ผู้บริโภคยุค New Normal-Next Normal

ดร.ดามพ์ สุคนธทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานกรรมการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวเปิดงานสัมมนาในครั้งนี้ว่าTransformation” เทียบเคียงได้กับคำว่า “การแปลงร่าง” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมจนจำร่างเดิมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการแปลงร่างของรูปแบบธุรกิจ กระบวนการหรือวิธีการทำธุรกิจ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเสริมกระบวนการทำงานร่วมกับแรงงาน ช่วยให้การทำงานสะดวกรวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและแข่งขันได้มากขึ้นท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ทำให้สภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจ สภาวะเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น จึงถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนจะช่วยกันสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs สามารถเข้าถึงเงินทุนและโอกาสที่จะ Transform องค์กรโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal และ Next Normal ในระยะถัดไปได้มากขึ้น”

ปล่อยมือธุรกิจไม่มีอนาคต“ตาย”“แปลงร่าง”และ“เกิดใหม่”

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาทและวางแผนธุรกิจอย่างรอบคอบ โดยคาดการณ์ผลประกอบการทั้งในทางบวกและทางลบ มองให้รอบด้านว่าธุรกิจที่ดำเนินอยู่สามารถปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางของธุรกิจที่ดำเนินอยู่ คู่แข่ง และผู้บริโภค มีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตในระยะสั้นหรือระยะยาวอย่างไร ยอมให้ธุรกิจที่ไม่มีอนาคต “ตาย” “แปลงร่าง” และ “เกิดใหม่” เพี่อก้าวต่อไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ที่ตอบสนองตลาดได้ดีกว่า ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินองค์กร ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงการขนส่งและส่งมอบสินค้าถึงคู่ค้าหรือผู้บริโภคได้สำเร็จ

“จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ในไตรมาส 3 ปี 2564 ธุรกิจ SMEs ปิดกิจการ 3,819 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 14,749 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และร้านอาหาร ที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวลงของการบริโภคจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนให้ทุกภาคธุรกิจต้องเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันจากเทคโนโลยีดิจิทัลซึ่งอาจกลายเป็นภัยเงียบที่ทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจนต้องปิดกิจการในที่สุด หากเจ้าของกิจการมิได้เตรียมแผนรองรับหรือปรับตัวได้ทัน”

เปิดบริการ‘ซ่อม’ ‘สร้าง’ ‘เสริม’รับมือโลก Next Normal

ดร.รักษ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่การค้าออนไลน์ของโลกและหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น หลายธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs ได้ปรับตัวมาขายสินค้าออนไลน์มากขึ้น เป็นความหวังของการฟื้นภาคส่งออกและเศรษฐกิจโดยรวม EXIM BANK มองเห็นทิศทางดังกล่าว จึงเร่งเดินหน้าภารกิจสนับสนุนการซ่อมและสร้างอุตสาหกรรมใหม่และขยายช่องทางหรือแพลตฟอร์มการค้าใหม่ภายใต้นโยบาย Dual-track Policy เพื่อแก้ปัญหาการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะสั้นและระยะยาวคู่ขนานกันไป

“EXIM BANK ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และรูปแบบการดำเนินธุรกิจ อยู่เคียงข้างลูกค้าและพันธมิตร ในฐานะ “ธนาคารเพื่อการพัฒนา” ควบคู่กับการเป็น “ศูนย์บริการครบวงจรเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศให้แก่ SMEs” ตั้งแต่การ “ซ่อม” “สร้าง” “เสริม” เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับภาคธุรกิจ เสริมสร้างการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ส่งเสริมการจ้างงาน กระตุ้นการลงทุนและการใช้จ่ายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนในสังคม ซึ่งจะเชื่อมโยงสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น บริการของ EXIM BANK อาทิ แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ EXIM Thailand Pavilion และบริการ EXIM Biz Transformation Loan อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 2% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 100 ล้านบาทต่อราย ผ่อนชำระนานสูงสุด 7 ปี เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยลงทุนเพิ่มเพื่อยกระดับประสิทธิภาพและกระบวนการผลิต ขยายกำลังการผลิต รวมทั้งปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ดิจิทัล และบริการอื่น ๆ ทั้งด้านการเงินและไม่ใช่การเงิน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศให้แก่ลูกค้าและผู้ประกอบการ กระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 โดยเร็ว”

ดร.รักษ์ ย้ำปิดท้ายว่าEXIM BANK พร้อมสนับสนุนให้เกิดธุรกิจใหม่และ Transform ธุรกิจที่ดำรงอยู่ให้สามารถก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในกระบวนการทำงานเพื่อยกระดับศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ สร้างยอดขายหรือรายได้เพิ่มมากขึ้น

“ตลอดจนบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคในยุค New Normal และ Next Normal ได้อย่างมีเสน่ห์และมีศิลปะ กล่าวคือ มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น และปรับตัวได้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม”