ดีอีเอส จับมือ ไปรษณีย์ไทย เตรียมนำร่องใช้ “ดิจิทัลโพสต์ไอดี” พร้อมพัฒนาระบบปักหมุดแม่นยำ

0
116

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เดินหน้าขับเคลื่อนดิจิทัลโพสต์ไอดี (Digital Post ID) ทางเลือกใหม่ของการจ่าหน้าชื่อ ที่อยู่ทั้งผู้รับและผู้ส่งให้เป็นรูปแบบดิจิทัลเพื่อช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งให้ความสามารถระบุตำแหน่งที่อยู่ของประชาชนภายในประเทศได้แม่นยำทุกครัวเรือน โดยล่าสุดได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนกว่า 500 คน ก่อนเปิดให้เริ่มใช้งานจริงในปี 2566 และคาดว่าปี 2567 ประชาชนจะได้ใช้รหัสดิจิทัลโพสต์ไอดีของตนเองเป็นทางเลือกในการจ่าหน้าทั่วประเทศ

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) มอบหมายให้ไปรษณีย์ไทย พัฒนาระบบ Digital Post ID จากรหัสไปรษณีย์รูปแบบตัวเลข 5 หลัก ซึ่งเป็นระบบการขนส่งที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของคนไทยให้มีความสะดวก ปลอดภัย และแม่นยำมากยิ่งขึ้น เนื่องจากระบบ Digital Post ID เป็นการระบุข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ที่เจาะจงมากกว่าการใช้รหัสไปรษณีย์แบบเดิม และสามารถระบุพิกัดในแนวตั้งได้ เพื่อรองรับการส่งในอาคารสูง หรือคอนโดมิเนียม ทำให้สิ่งของทางไปรษณีย์ถึงมือผู้รับถูกต้องและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ “ดิจิทัลโพสต์ไอดี” ยังสามารถรักษาความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลของภาคประชาชน ตามหลักการของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และ เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลในกระบวนการจัดส่งพัสดุ ไปรษณีย์ได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนและภาคธุรกิจทั่วไปมีความมั่นใจและสะดวกสบายมากขึ้นในการทำธุรกรรมต่างๆ ส่งผลดีโดยตรงต่อปริมาณของธุรกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศสามารถ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศให้เติบโตยิ่งขึ้นต่อไปได้อีกในอนาคต

“ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยอยู่ระหว่างการทดสอบระบบความแม่นยำที่ใช้ในการปักหมุด เพื่อดำเนินการพัฒนาปักหมุดตำแหน่งที่อยู่ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2566 พร้อมกันนี้ ไปรษณีย์ไทยยังได้จัดกิจกรรมเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าร่วมรับฟังแนวทางในการจัดทำระบบดังกล่าวขึ้น พร้อมทั้งรับฟังข้อคิดเห็นในมิติต่างๆ โดยไปรษณีย์ไทยจะนำความคิดเห็นและประเด็นสำคัญไปพัฒนาให้การดำเนินงานเกิดประโยชน์สูงสุดกับทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ ซึ่งจะนำร่องเริ่มการทดลองใช้ภายในปี 2566 และคาดว่าภายในปี 2567 ประชาชนจะมีรหัสดิจิทิลโพสต์ไอดีของตนเองมาเป็นทางเลือกในการจ่าหน้าทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านโลจิสติกส์ ช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และสนับสนุนให้เกิดการเติบโตทั้งมิติเศรษฐกิจและสังคม อย่างยั่งยืน” ดร.ดนันท์ กล่าวทิ้งท้าย