รฟท.เดินเครื่องทางคู่อีก 9 เส้นทาง

0
237
รฟท.เดินเครื่องทางคู่อีก 9 เส้นทาง ล่าสุดเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว ส่วนไฮสปีดเทรนกรุงเทพฯ-ระยองเชื่อม 3 สนามบิน คาดไตรมาสแรกออกทีโออาร์ ชี้ปี 61ได้ตัวผู้รับสัมปทานปีนี้แน่นอน ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน อยู่ สคร.แล้ว
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการแทนผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินในรฟท.ที่จะดำเนินการต่อไปในปี61ว่ารฟท.จะเร่งดำเนินการโครงการรถไฟทางคู่อีก 9 เส้นทาง คือ 1.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กิโลเมตร(กม.) 2.ช่วงสุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง 339 กม. 3.ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. 4.ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. 5.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กม. 6.ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 กม. 7.ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กม. 8.ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม. และ 9.ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 กม. ซึ่งล่าสุด รฟท.ได้นำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว จากนั้นจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนหากผ่าน ครม.จะใช้เวลาอีก 3 เดือน ถึงจะเริ่มออกเงื่อนไขการประกวดราคา(ทีโออาร์) 
ส่วนรูปแบบการดำเนินการประมูลการก่อสร้างนั้น จะมีการแบ่งสัญญาก่อสร้างในแต่ละเส้นทางออกมามากกว่า 1 สัญญา เหมือนการประกวดราคารถไฟทางคู่ 5 เส้นทางแรกหรือไม่นั้น เรื่องนี้มองว่าเป็นเรื่องที่คณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง(ซุปเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัด จ้าง)จะเป็นผู้พิจารณา เพราะเมื่อผ่านการพิจารณาจากกระทรวงคมนาคมแล้วก็จะต้องนำเสนอซุปเปอร์บอร์ดด้วย เบื้องต้น รฟท.จะเสนอรูปแบบการประกวดราคาเดิมที่กำหนดให้ 1 เส้นทาง มี 1 สัญญาให้ซุปเปอร์บอร์ดพิจารณาไปก่อน ส่วนซุปเปอร์บอร์ดจะมีความคิดเห็นอย่างไรก็ค่อยมาดำเนินการอีกครั้ง
นายอานนท์ กล่าวว่า สำหรับการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยองเพื่อให้เชื่อม 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระยะทาง 260 กม.นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมาบอร์ด รฟท.ได้อนุมัติโครงการไปแล้ว อยู่ระหว่างเสนอขอความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะได้ข้อสรุป
“ตอนนี้รูปแบบการเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนที่ รฟท.ศึกษาชัดเจนแล้ว รอเพียงความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร เมื่อได้มาแล้วก็จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการสรุปข้อมูลที่ชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งตามแผนงานที่กำหนดจะสามารถออกทีโออาร์ได้ในไตรมาส 1 นี้ ดังนั้นปี 61 นี้ จะได้ตัวผู้รับสัมปทานเข้ามาดำเนินโครงการได้แน่นอน” 
สำหรับเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน ขณะนี้ยังระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) เมื่อผ่านการพิจารณาแล้ว จึงจะตั้งคณะกรรมการตามาตรา 35 ขึ้นมาร่างทีโออาร์
อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงกทม.-ระยอง กับ กทม.-หัวหิน จะพบว่า กทม.-ระยอง เดินหน้าได้เร็วกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องเข้าคณะกรรมการพีพีพี แต่เข้าคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(คณะกรรมการอีอีซี)เสร็จก็เรียบร้อย ไม่ต้องเข้า สคร.ด้วย เพราะ สคร.เป็นกรรมการในอีอีซีอยู่แล้ว