“วอลโว่ บัส” เปิดตัวแชสซีรุ่นใหม่ VOLVO B8R แล้วในไทย ชูธง ‘ที่สุด…ยนตรกรรมคุณภาพ!’

0
1193

ท่ามกลางธุรกิจท่องเที่ยวเมืองไทยที่นับวันยิ่งสดใสไฉไลขึ้นเป็นกองสนองเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเต็มพิกัดต่อเนื่องทุกปี  คาดการณ์ปี 2561 นี้จะมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกแห่ท่องเที่ยวเมืองไทยกว่า 37 ล้านคน ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวเหมารวมไปถึงทุกห่วงโซ่คุณค่าด้านการท่องเที่ยวฟู่เฟื่องเรืองรองตามๆกัน

เช่นเดียวกับธุรกิจรถบัสให้บริการนักท่องเที่ยวก็คืออีกหนึ่งห่วงโซ่ธุรกิจที่พลอยได้รับอานิสงส์ไปแต็มเปา  แม้ระยะหลังค่ายรถบัสจากแดนมังกรจะยึดหัวหาดตลาดรถบัสเมืองไทยไปแล้วก็ตาม ถึงกระนั้น ก็ยังมีกลุ่มตลาดบนอีกไม่น้อยที่หลงไหลและเชื่อมั่นในค่ายรถบัสพรีเมี่ยมแบรนด์สายพันธุ์ยุโรป ที่เน้นด้านประสิทธิภาพการใช้งานและมีความปลอดภัยสูง

ล่าสุด วอลโว่ บัส(ประเทศไทย)ได้ฤกษ์เปิดตัวแชสซีรุ่นใหม่ VOLVO B8R เครื่องยนต์ 8 ลิตรขับเคลื่อนด้วยขุมกำลัง 330 แรงม้า เพื่อเป็นการทดแทน VOLVO B7R ที่มีเคยสร้างปรากฎการณ์ด้วยยอดจำหน่ายถล่มถลายไปแล้วกว่า 40,000 คันใน 65 ประเทศทั่วโลก ย้ำVOLVO B8R โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ให้กำลังสูงขึ้น เติมเต็มด้วยประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด ผนวกด้วยระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนานขึ้นและอุดมด้วยอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยครบครัน ชูธง “ความปลอดภัยระดับสูง –ที่สุดแห่งยนตรกรรมคุณภาพ”

 

 

ออกแบบเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย

มร.เดวิด มีด รองประธานบริหารวอลโว่ บัส เอเชีย แปซิฟิก ได้ฉายภาพความโดดเด่นและความเป็นตัวตน VOLVO B8R ว่าการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยครั้งนี้ รวมถึงการทยอยเปิดจำหน่าย VOLVO B8R ไปทั่วโลก สะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมระดับโลกของวอลโว่ อีกทั้งเราต้องการให้ประเทศต่างๆทั่วโลกมีโอกาสได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยและมีความหลากหลายในการใช้งานมากขึ้น และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นตลอดอายุการใช้งานอีกด้วย

“VOLVO B8R ถูกออกแบบมาเพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานหลากหลายประเภท อาทิเช่น การใช้งานรถรับส่งพนักงาน รถบัสสำหรับนักท่องเที่ยว และรถนักเรียน โครงสร้างตัวรถรวมถึงชิ้นส่วนต่างๆ แข็งแรงและมีระบบขับเคลื่อนที่ผ่านการทดสอบ และยืนยันแล้วว่ามีความทนทานไว้วางใจได้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์วอลโว่ D8 เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลวอลโว่ที่ให้กำลังสูงสุด 330 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 1200 นิวตันเมตรด้วยพละกำลังมากขึ้นอีก 40  แรงม้า มาตรฐานการปล่อยไอเสียยูโร 3 และ ยูโร 5 และระบบเกียร์เป็นเกียร์อัตโนมัติ ZF  และให้ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด อีกทั้งยังสามารถยืดระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจาก 50,000 ก.ม. เป็น 80,000 ก.ม. สำหรับการขับขี่ทางไกล 

ย้ำตะปูด้านความปลอดภัยระดับสูง

นอกจากนี้ มร.เดวิด กล่าวอีกว่าVOLVO B8Rถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทุกความต้องการในการขับขี่ที่คล่องตัว ให้ความสะดวกสบายและความปลอดภัย ด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานที่ติดตั้งมาจากโรงงาน อาทิ ดิสก์เบรกที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ของวอลโว่ระบบป้องกันการเบรกล้อล็อกตาย(Anti-LockBrake System – ABS)และระบบควบคุมการทรงตัวของรถแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Stability Program – ESP)

“อีกทั้งยังมีระบบเทเลมาติกส์ (Telematics) ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการและศูนย์บริการได้รับรู้ข้อมูลของตัวรถได้ทันที  และลูกค้าสามารถเลือกเพิ่มระบบ I-Coaching ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถทำการขับขี่ได้อย่างปลอดภัย และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ด้วยการแสดงผลลัพธ์แก่ผู้ขับขี่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งวอลโว่ บัส ได้ประกอบแชสซี VOLVO B8R  ในกรุงเทพฯ โดยนำเข้าชิ้นส่วนแชสซีจากโรงงานวอลโว่ บัส ในเมืองโบราส ประเทศสวีเดน พร้อมจำหน่ายแล้วในประเทศไทยและส่งออกไปขายทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเรายังได้เตรียมความพร้อมสำหรับมาตรฐานการปล่อยไอเสียยูโร 5 ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย”

 

เชื่อมั่นได้ในคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขาย

ขณะที่คุณกำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป(ประเทศไทย) จำกัด  เปิดเผยถึงการสร้างเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในงานบริการหลังการขายว่าการเปิดตัวครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของการดำเนินธุรกิจในสวีเดนครบ 90 ปี ส่วนในไทยเป็นปี 28 (รถบรรทุก) ขณะที่รถบัสโดยสารปีนี้ก็เป็นที่ 19 แล้ว และรถบัสวอลโว่ก็ถือเป็น ผลิตภัณฑ์เรือธง หนึ่งของวอลโว่ กรุ๊ปประเทศไทย

ธุรกิจรถบัสในไทยในปีนี้เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกแล้ว ทั้งการคาดการการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจที่รัฐบาลตั้งเป้าที่ 4.2 % การโหมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆที่เริ่มเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น  ขณะที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่คาดการณ์นักท่องเที่ยวจะมุ่งหน้าสู่ไทยมากกว่า 38 ล้านคน เมื่อธุรกิจท่องเที่ยวไปได้สวย ความต้องการใช้รถบัสโดยสารก็ต้องเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นการสอดรับกับการเปิดตัวแชสซีแชสซีรุ่นใหม่ VOLVO B8R ในครั้งนี้”

ส่วนการสนับสนุนของวอลโว่ กรุ๊ปนั้น คุณกำลาภ ระบุว่า เรามีโรงงานประกอบที่ไทยที่ลงทุนไปกว่า 2 พันล้านบาท  ที่มีกำลังการผลิต 1 หมื่นคันต่อปี ทั้งรถบรรทุก หัวลาก และรถบัส จัดจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปขายทั่วโลก เป็นโรงงานที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เน้นศักยภาพและประสิทธิภาพการผลิต และความปลอดภัยสูง ดังนั้น ลูกค้าวอลโว่มั่นใจได้ในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของเรา

“ส่วนการบริการหลังการขาย ก็เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจที่เราอยากสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ณ วันนี้เรามี 14 ศูนย์บริการครบวงจรกระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่ละแห่งเพรียบพรัอมด้วยทีมช่างที่ชำนาญการ และการให้บริการหลังการขายครบวงจร”

ด้านคุณเดชชัย  กุลกรินีธรรม  ผู้จัดการทั่วไทย บริษัท  วอลโว่ บัส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า การเปิดตัวแชสซี B8R อย่างเป็นการในไทยครั้งนี้เพื่อเป็นการทดแทนรุ่นเก่าอย่าง B7R ที่ได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นแชสซีที่ขายดีที่สุดของวอลโว่บัส มียอดจำหน่ายไปแล้วกว่า 500 คันในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

“เราเชื่อมั่นว่าปีนี้และปีถัดไปยอดจำหน่ายก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเรามีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ความพร้อมด้านการบริการหลังการขาย และการบริการที่มุ่งหวังสร้างรายได้ในธุรกิจให้กับลูกค้า อีกทั้งมีศูนย์บริการที่ครอบคลุมในประเทศไทย ผนวกกับทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและมีใจที่พร้อมให้บริการลูกค้าในทุกด้าน เชื่อมั่นว่าจะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าชาวไทยอย่างแน่นอน”

 

การเปิดตัวพี่หมื่นแชสซี VOLVO B8R ในคราวนี้ ถือว่าถูกที่ถูกเพลาดีนักแล…นะออเจ้า!
ส่วนค่าตัวเฉพาะแชสซีสนนราคาอยู่ที่ 3.3 ล้านบาท ยังไม่รวมราคาประกอบตัวถังยังไม่ตายตัวก็ขึ้่นอยู่ความต้องการของเถ้าแก่ขนส่งจะเพิ่มเติม-เสริมหล่อด้วยออฟชั่นพิเศษในการประกอบที่หลากหลายอย่างไรนั่นเอง
…จริงหรือไม่จริงครับ…เจ๊เกียว!?