“สแกนเนีย-พนัสฯ”รุกผูกปิ่นโต 2 ขาใหญ่ขนส่งนครพนม หวังเปิดประตูธุรกิจเต็มพิกัด

0
1572

หลังรัฐบาลปูพรมจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนของประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากศักยภาพการเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน ตามข้อตกลงการค้าเสรีภายใต้กรอบอาเซียน เป็นแรงส่งเอื้อต่อการรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน

จังหวัดนครพนม คืออีกหนึ่งพื้นที่ที่รัฐบาลปักหมุดให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เหตุเป็นที่มีโครงข่ายคมนาคมและที่ตั้งเหมาะสมในการเป็นประตูสู่อาเซียนและจีนตอนใต้ – ตะวันออก โดยเฉพาะด่านพรมแดนนครพนม แหล่งชุมนุมสิงห์รถบรรทุกเข้า-ออกผ่านทางสะพานมิตรภาพ 3 (ไทย-ลาว ) นครพนม – คำม่วน จุดเชื่อมโยงการขนส่งสินค้า การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของไทยไปยังสปป.ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ได้สะดวกและสั้นที่สุด

เป็นเหตุผลอันชอบธรรมหนุนให้ “นครพนม” กลายเป็นจุดไข่แดงทอประกายแสงความมั่นใจต่อนักลงทุนไทยและเทศกระเป๋าตุงแห่แหนลงทุนพลางแสวงหาพันธมิตรธุรกิจหวังขยายฐานลูกค้า-ธุรกิจเต็มพิกัดในภูมิภาคนี้

ล่าสุด ค่ายสแกนเนีย-พนัสฯ ลุยตลาดภาคอิสานตอนบนเต็มสูบ รุกเปิดประตูธุรกิจนครพนมส่งมอบหัวลากสแกนเนีย 20 คัน (ส่งมอบเบืิองต้น 5 คัน)และรถบรรทุกกึ่งพ่วงพนัสฯ 20 คัน (ส่งมอบเบื้องต้น 5 คัน) ให้กับยักษ์ใหญ่ขนส่งนครพนมเจ แอนด์ เค โลจิสติกส์ฯ ตั้งธนนนท์ทรัคฯเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจในฐานะตัวแทนสแกนเนียนครพนม และศูนย์ซ่อมพนัสฯนครพนมหวังเจาะตลาดในภูมิภาคนี้ ขานรับเศรษฐกิจนครพนมบูม

สแกนเนีย ผูกพันธมิตรธุรกิจ ‘ธนนนท์ทรัคฯ ‘ขยายฐานตลาดนครพนม

คุณภูริวัทน์ รักอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยหลังร่วมพิธีส่งมอบรถหัวลากสแกนเนีย 20 คัน(ส่งมอบเบืิองต้น 5 คัน)ให้กับเจ แอนด์ เค โลจิสติกส์ (2014) เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า นครพนมในวันนี้ไม่เหมือนนครพนมเมื่อ 3 ปีที่แล้วหลังรัฐบาลประกาศนครพนมเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ทำให้วันนี้นครพนมเติบโตอย่างมากทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน สังคม และเศรษฐกิจ

“นครพนมในวันนี้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญด้านการค้าการลงทุน เป็นจุดเชื่อมโยงคมนาคมขนส่งทั้งคนและสินค้าผ่านสะพานมิตรไทย-ลาวแห่งที่ 3 ด้วยเส้นทาง R12 ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนอย่างสปป.ลาวผ่านเวียดนามไปถึงจีนตอนใต้ด้วยระยะทางที่สั้นกว่าเส้นทาง R9 จึงทำให้นครพนมในวันนี้มีอัตราการเติบโตและคึกคักทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ทำให้สแกนเนียเล็งเห็นการขยายตลาดมายังพื้นที่จังหวัดนครพนมและพื้นที่ใกล้เคียง และพร้อมเต็มทีกับการเปิดประตูธุรกิจในภูมิภาคนี้”

นอกจากนี้ คุณภูริวัทน์ ย้ำอีกว่าสแกนเนีย เป็นรถที่แข็งแกร่งได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย มีสมรรถนะและประสิทธิภาพการใช้งานสูง ประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ และที่สำคัญสามารถคืนทุนให้กับผู้ประกอบการได้เร็ว ตลอดระยะเวลา 31 ปีที่สแกนเนียดำเนินธุรกิจในไทย ยังไม่เคยมีแนวคิดแต่งตั้งใครเป็นตัวแทน แต่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงอยากจะเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อแต่งตั้งผู้ประกอบการไทยเป็นตัวแทน เพื่อร่วมผลักดันและนำแบรนด์สแกนเนียออกไปสู่ตลาดในภูมิภาคนี้ได้มากยิ่งขึ้น

“แม้วันนี้จะยังไม่ได้แต่งตั้งอย่างเป็นการทางการ แต่ทว่าผมพูดในนาม สแกนเนีย ประกาศให้ทุกคนรับรู้ทั่วกันว่าเรากับธนนนท์ทรัคฯคบหาเป็นแฟนกัน แต่ยังไม่ไปจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แต่ สแกนเนีย คบแฟนคนเดียวที่นครพนม นั่นก็คือธนนนท์ทรัคฯเรามั่นใจในศักยภาพของธนนนท์ทรัคฯและยินดีกับการป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจเพื่อร่วมสร้างตำนานที่จะเกิดขึ้น แต่ขอพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนจะประกาศแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ”

พนัสฯปักหมุด PANUS S Plus รองรับลูกค้านครพนมและพื้นที่ใกล้เคียง

ด้านคุณณัชชา วงศ์คำภู ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด (PANUS) กล่าวว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจังหวัดนครพนมในเวลานี้รุดหน้าอย่างรวดเร็ว พนัสฯยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่นครพนม และต้องขอบคุณทางลูกค้า บจก.เจ แอนด์เค โลจิสติกส์ (2014) ขนส่งรายใหญ่นครพนม ที่ได้สั่งซื้อรถบรรทุกกึ่งพ่วงจากทาง PANUS เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจขนส่งผลไม้ และต้องขอขอบคุณความร่วมมือทางธุรกิจกับ หจก.ธนนนท์ ทรัค ผู้จำหน่ายรถบรรทุกรายใหญ่ในนครพนมเช่นเดียวกัน กับพันธมิตรทางธุรกิจกับพนัสฯในฐานะศูนย์บริการ Panus S Plus จังหวัดนครพนม ถือว่าเหมาะสมอย่างมากเนื่องจากจำนวนรถบรรทุกที่ขนส่งสินค้าผ่านด่านพรมแดนนครพนม สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ไปยังเวียดนามลากยาวจนถึงจีนตอนใต้ และนับวันยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นต่อเนื่อง

พนัสฯเชื่อมั่นศักยภาพของธนนนท์ทรัคฯ กับการเป็นศูนย์บริการ PANUS S Plus ที่นครพนม จะสามารถรองรับปริมาณรถบรรทุกขนส่งที่เข้าใช้บริการได้อย่างแน่นอน ธนนนท์ทรัคฯมีศักยภาพและความชำนาญในธุรกิจในพื้นที่นี้ ตอกย้ำให้เรามั่นใจว่าธนนนท์ทรัคฯ กับการเป็นศูนย์บริการ PANUS S Plus ที่นครพนม จะสามารถรองรับปริมาณรถบรรทุกขนส่งที่จะเข้าใช้บริการได้อย่างแน่นอน”

เจ แอนด์ เค โลจิสติกส์ ฯ เลือกหัวลากสแกนเนีย-หางพนัสฯ

ด้านคุณเกรียงเดช ปุ้มกระโทก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ แอนด์ เค โลจิสติกส์ (2014) จำกั เปิดเผยว่าการที่เราเลือกซื้อรถหัวลากสแกนเนียจำนวน 20 คัน (ส่งมอบเบืิองต้น 5 คัน) เพราะเห็นเป็นรถที่มีมาตรฐานและคุณภาพสูงที่ได้รับความนิยมและยอมรับจากผู้ใช้ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย แต่สิ่งสำคัญที่อยากให้มีคือศูนย์บริการในพื้นที่นครพนม ซึ่งผู้บริหารสแกนเนียก็รับปากและได้เลือกธนนนท์ทรัคฯเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจในฐานะตัวแทนสแกนเนียในพื้นที่นครพนม

“ความมุ่งมั่นของทางสแกนเนียสะท้อนให้เห็นความชัดเจนถึงการเจาะตลาดในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น ทำให้เรามั่นใจและตัดสินใจจัดซื้อรถหัวลากสแกนเนีย 20 คัน (ส่งมอบเบืิองต้น 5 คัน)ส่วนเหตุผลที่เราเลือกใช้หาง PANUS ก็เพราะเห็นป็นบริษัทชั้นนำของประเทศที่ได้รับความนิยมสูง ทุกผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นด้านรูปลักษณ์ที่ดูสวยงามทันสมัย ขณะที่ประสิทธิภาพการใช้มีความทนทานและแข็งแกร่งสูง โดยเฉพาะขั้นตอนการผลิตจะมีความปราณีตและขั้นตอนการผลิตที่ใช้เครื่องจักรมีคุณภาพสูง ที่สำคัญควบคุมกระบวนการผลิตโดยทีมวิศวกรรมที่มีความชำนาญการ รวมถึงการเอาใจใส่ด้านการบริการหลังการขาย เป็นสาเหตุให้เราตัดสินใจเลือกใช้งานและมีการสั่งซื้อ”

ธนนนท์ ทรัคฯ การันตีศักยภาพเต็มสุบ กางปีกรับธุรกิจขนส่งนครพนมบูม

ขณะที่คุณปรมาพร ทีฆธนานนท์ กรรมการผู้จัดการ หจก.ธนนนท์ ทรัค เปิดใจถึงการเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจกับสแกนเนียและพนัสฯว่าการที่เราตัดสินใจเป็นคู่ค้าธุรกิจกับบทบาทศูนย์ซ่อมรถใหญ่ทั้ง 2 ค่าย ทั้งค่ายรถใหญ่สแกนเนียและค่ายยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตกระบะรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ทุกชนิดอย่าง PANUS  เพราะได้เล็งเห็นถึงอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจจังหวัดนครนครที่เติบโตอย่างมาก และมีแนวโน้มขยายตัวสูงต่อเนื่องทุกปี เราจึงตัดสินใจผูกพันธมิตรธุรกิจเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจรองรับการขยายตลาดมายังภูมิภาคนี้

“ธนนนท์ทรัคฯเป็นศูนย์บริการครบวงจรเฉพาะรถใหญ่ทุกค่าย ดำเนินธุรกิจภายใต้ความเป้นมืออาชีพและความรับผิดชอบต่อลูกค้า ซึ่งลูกค้าสามารถเข้ามารับบริการซ่อมใหญ่จากเราได้ภายใน 1 วันเท่านั้น โดยไม่ต้องนำรถมาทิ้งไว้ซึ่งทำให้เสียรายได้ เรามีศักยภาพกับการรับมืองานซ่อม 9 ช่องซ่อม เมื่อปีที่ผ่านมาเราได้ให้บริการเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 150 คันทั้งหัวลากและหางพ่วง”

ท่ามกลางสมรภูมิการค้าการลงทุนยุคโลกไร้พรมแดนในปัจจุบัน การตะบันธุรกิจเชิงตีกินข้างเดียวพลางมองใครต่อใครเป็นการศัตรูการค้าไปหมด ก็รังแต่จะเป็นการตัดเส้นเลือดใหญ่ต่อการเติบโตธุรกิจ ซ้ำร้ายยังบีบให้ตัวเองโดดเดี่ยวเดียวดาย และรอวันความตกต่ำ….จะมาเคาะประตูถึงหน้าบ้านโดยมิได้นัดหมาย

การผนึกพลัง 4 พันธมิตรครั้งนี้ เป็นกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนชัดถึงการบรรลุโสดาบันทางการตลาดในยุคปัจจุบันได้ดี และพร้อมแตะคันเร่งความเร็วอย่างสมดุลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจพุ่งชนความสำเร็จแบบ Win Win  ฉันใดก็ฉันนั้น!
….เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้ แล!