ยกเครื่องรถไฟ…ต้องไปให้สุดซอย

หลังจาก “บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) งัด ม.44 ปลดฟ้าผ่าผู้ว่าการการรถไฟฯและสั่งโละบอร์ดรฟท.ชุดเดิมยกกระบิก่อนตั้งบอร์ดรถไฟฯชุดใหม่เข้ามาโม่แป้งขับเคลื่อนองค์กรรถไฟ

0
356

หลังจาก “บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) งัด ม.44 ปลดฟ้าผ่าผู้ว่าการการรถไฟฯและสั่งโละบอร์ดรฟท.ชุดเดิมยกกระบิก่อนตั้งบอร์ดรถไฟฯชุดใหม่เข้ามาโม่แป้งขับเคลื่อนองค์กรรถไฟ  

พร้อมตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษหรือ “ซุปเปอร์บอร์ด” ที่มี นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติเป็นประธาน ขึ้นมากำกับดูแลการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินเกิน 5,000 ล้านบาทเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ประเดิมด้วยโครงการประมูลก่อสร้างรถไฟรางคู่ 7 โครงการมูลค่ากว่า 1.36 ล้านบาท

ทุกฝ่ายต่างคาดหวังจะเห็นเหลือบไรในการรถไฟถูกขจัดให้หมดสิ้นไปเสียที!  

การใช้อำนาจ ม.44 ปลดกราดรูดผู้ว่ารถไฟและสั่งโละบอร์ดรถไฟยกชุดทั้งยังสั่งให้“ซุปเปอร์บอร์ด” เข้าไปตรวจสอบการดำเนินโครงการรถไฟรางคู่ 7 สายทางที่การรถไฟป้ำผีลุกปลุกผีนั่งมาร่วมปีนั้น สะท้อนให้เห็นว่าข้อมูลที่ใครต่อใครสาวไส้ความฟอนเฟะในการรถไฟก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเรื่องที่ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์(ปชป.) ที่ออกมาแฉโพยโครงการประมูลก่อสร้างรถไฟรางคู่ 5 สายทางเงินลงทุนกว่า 9.5 หมื่นล้านบาทว่า มีการล็อกสเปกเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับเหมารายใหญ่ หรือตั้งราคากลางแพงลิบลิ่วนั้นก็น่าจะมีเค้าลางอยู่ไม่น้อย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่หลายฝ่ายยังแสดงความกังวลก็คือ การที่นายกฯใช้อำนาจม.44 ตั้งนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวงและกรรมการบอร์ดรถไฟ ให้ทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าการรถไฟ ด้วยเห็นว่าภารกิจเบื้องหน้าของการรถไฟที่ต้องขับเคลื่อนโครงการลงทุนมหาศาลมูลค่ากว่า 8 แสนล้านนั้นจำเป็นต้องอาศัยการทำงานอย่างทุ่มเท  จะอาศัยแค่บอร์ดรถไฟนั่งถ่างขาควบรักษาการเห็นจะไม่เพียงพอแน่

ยิ่งสำหรับนายอานนท์ด้วยแล้วลำพังแค่งานของกรมทางหลวงที่ต้องสนองนโยบายรัฐลุยโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 3 สายทางในมือเวลานี้และอีกหลายสิบเส้นทางในอนาคต 3-5 ปีจากนี้ก็ถือว่าเต็มมืออยู่แล้ว หากจะต้องปลีกวิเวกมาทำหน้าที่ขับเคลื่อนองค์กรการรถไฟที่ต้องแบกภาระหนักอึ้งด้วย การจะคาดหวังให้รักษาการผู้ว่ารถไฟทุ่มเทการทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำให้รถไฟนั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้   

คงเพราะเหตุนี้ เราจึงได้เห็นพฤติกรรมของผู้ว่าการรถไฟฯที่ต้องจัดสรรเวลาเป็นมือระวิง ต้องให้เจ้าหน้าที่หอบแฟ้มไปเซ็นที่กรมทางหลวงทุกวัน และจำเป็นต้องดึงเอากุนซือจากขั้วอำนาจเก่าในการรถไฟฯที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นและทีมงานเข้ามาโม่แป้งกลั่นกรองงานให้แทนแทบจะทุกเรื่อง ทำเอาคนรถไฟอึดอัดหาวเรอไปตามๆกันด้วยนัยว่า 1 ในทีมงานที่ดึงเข้ามาที่มีชื่อว่า “เจ๊ใหญ่”นั้นแกใหญ่สมชื่อหากแกไม่เซย์เยสก็อย่าหวังว่าผู้ว่ารถไฟจะเซ็นให้

ทำเอาใครต่อใครมึนไปแปดตลบ ตกลงรักษาการผู้ว่ารถไฟเป็นแค่ “นอมินีร่างทรง”หรือไงเพราะดูจะหนักหนาสาหัสกว่าเมื่อครั้งที่นายวุฒิชาติ กัลยณมิตร นั่งอยู่เสียอีก!   

จึงไม่แปลกใจเลยที่วันก่อน ดร.สามารถ จะออกมาโพสต์เฟสบุ๊คสัพยอกเอาว่า หมดหวังกับการยกเครื่องปฏิรูปรถไฟ แค่ที่รักษาการผู้ว่ารฟท.ออกมาตอบโต้กรณีการประมูลรถไฟทางคู่ 5 สายทางอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนและยืนยันเสียหนักแน่นว่าที่ผ่านการรถไฟฯดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่ได้มีการล็อกสเปคเอื้อประโยชน์ให้แก่รับเหมารายใหญ่ก็ทำเอาใครต่อใครอ้าปากค้าง เพราะมันสวนกับส่ิงที่ “บิ๊กตู่” งัดม.44 ล้างบางรถไฟยกกระบิไปก่อนหน้า แถมยังสวนทิศกับที่“ซุปเปอร์บอร์ด”เพิ่งจะตีแสกหน้าสั่งให้รถไฟฯ รื้อเงื่อนไขการประมูลรถไฟทางคู่ 5 สายทางยกกระบิเสียอีก!

คงต้องฝาก ดร.สามารถได้เข้ามาตรวจสอบการทำงานคนรถไฟชุดนี้อย่างใกล้ชิดเข้าไปอีกเพราะแค่เริ่มต้นก็ทะแม่งๆ แล้ว และคงต้องเรียนฝากไปยังท่านนายกฯ “บิ๊กตู่” ได้ทบทวนการตั้งรักษาการผู้ว่ารถไฟฯว่าถึงเวลาที่ต้องทบทวนเร่งรัดสรรหาผู้ว่าการรถไฟฯตัวจริงกันหรือยัง? 

หรือหากจำเป็นต้องตั้งรักษาการกันจริงๆ ก็น่าจะได้เอาคนในที่รู้จักมักจี่วัฒนธรรมองค์กร รู้ตื้นลึกหนาบางองค์กรเป็นอย่างดีมาขับเคลื่อนองค์กรนี้ไม่ดีกว่าหรือ หาไม่แล้วไม่เพียงแต่โครงการต่างๆ ของการรถไฟฯจะไปไม่ถึงฝั่ง ยังจะเรียกแขกให้งานเข้า หากรักษาการนอนินีที่ไม่ได้รู้ตึ้นลึกหนาบางองค์กรดีพอถูกกลุ่มอำนาจเก่าภายในองค์กรวางยาเอา!!!     

ขอบขอบคุณภาพประกอบจาก Mthai.com