“ยูดี ทรัคส์”เปิดตัวรถบรรทุกยูโร 5 ด้วยเทคโนโลยี SCR พร้อมฟีเจอร์ใหม่เพิ่มกำไร-ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

0
267

เดินหน้าสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องสำหรับยูดี ทรัคส์ ประเทศไทย ล่าสุด(30ม.ค.2567)ตอบสนองนโยบายภาครัฐด้วยการเปิดตัวรถบรรทุกยูดี เควสเตอร์ และโครเนอร์ใหม่มาตรฐานยูโร 5 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ เพิ่มกำไรธุรกิจขนส่ง และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมผ่านช่องทางออนไลน์ ยันเทคโนโลยี SCR ยูดี ทรัคส์นำมาใช้มาตรฐานยูโร 5 เป็นเจ้ารายแรก ย้ำทดสอบแล้วสามารถช่วยลดไนโตรเจนไดออกไซด์ หรือ ก๊าซมลพิษทางอากาศลง 60% และฝุ่น PM2.5 ได้ถึง 80% เมื่อเทียบยูโร 3

ทั้งนี้ ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น อยู่ในอุตสาหกรรมรถบรรทุกมายาวนานกว่า 89 ปี และเป็นผู้นำในเรื่องของนวัตกรรมในรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์เสมอมา ด้วยความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้น และตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลง และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกมาโดยตลอด เช่น ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กลายเป็นปัญหาทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี ทางยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น จึงได้มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในด้านนวัตกรรมลดการปล่อยไอเสียสู่ชั้นบรรยากาศ และได้ดำเนินการผลิตและจัดจำหน่ายรถบรรทุกมาตรฐานยูโร 5 สู่ตลาดต่างประเทศแล้วในหลายประเทศทั่วโลก

มร.อีริค ลาบัท ประธานกรรมการ บริษัท ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าภายใต้แผนดำเนินการนี้ โรงงาน Bangkok plant ของยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด ได้ทำการผลิตรถบรรทุกยูดี ทรัคส์ สำหรับจัดจำหน่ายทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก โดยทำการผลิต และส่งออกรถบรรทุกทั้งยูดี เควสเตอร์(รถบรรทุกขนาดใหญ่) และโครเนอร์(รถบรรทุกขนาดกลาง)มาตรฐานยูโร 5 ตั้งแต่ปี พศ. 2564 ไปยังประเทศอื่น ๆ อาทิ ประเทศแอฟริกาใต้ ประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง และอื่นๆ

“ดังนั้นเราจึงมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ ที่มีสมรรถนะสูงขึ้น และการปล่อยไอเสียที่สะอาดกว่าเดิมสู่ตลาดประเทศไทย โดยใช้เทคโนโลยี Selective Catalytic Reduction – SCR ในการบำบัดมลพิษไอเสีย ซึ่งเป็นการฉีดน้ำยา Adblue เข้าไปในระบบเพื่อทำปฏิกิริยากับก๊าซไนโตรเจนออกไซด์(NOx)ในไอเสีย และเปลี่ยนเป็นก๊าซไนโตรเจน และไอน้ำก่อนปล่อยออกสู่บรรยากาศ ซึ่งยูดี ทรัคส์ คือผู้ผลิตรถบรรทุกเจ้าแรกที่นำเทคโนโลยี Selective Catalytic Reduction (SCR) มาใช้ตั้งแต่ปี 2004 ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้คิดค้นและพัฒนาระบบเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เทคโนโลยีนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาเครื่องยนต์ให้มีความทนทาน และใช้งานได้อย่างยาวนาน รวมถึงลดต้นทุนการบำรุงรักษารถ และให้สมรรถนะการทำงานของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มกำลัง”

มร.อีริค กล่าวเพิ่มเติมว่าการนำเสนอรถบรรทุกมาตรฐานยูโร 5 ที่มีการนำเทคโนโลยี SCR มาใช้จากการทดสอบแล้วในต่างประเทศจะสามารถช่วยลด ไนโตรเจนไดออกไซด์หรือ ก๊าซมลพิษทางอากาศลง 60% และฝุ่น PM2.5 ได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับรถบรรทุกในมาตรฐานยูโร 3

“นอกจากที่มีเทคโนโลยี SCR ในรถรุ่นมาตรฐานยูโร 5 แล้ว ทางยูดี ทรัคส์ยังได้นำเสนอคุณสมบัติ หรือฟีเจอร์ใหม่ อาทิ เช่น ขุมพลังแรงม้าใหม่ในรุ่นเควสเตอร์ เกียร์กึ่งอัตโนมัติ Escot ที่มีแรงม้า 410 และ 460 แรงม้าให้เลือก โดยยังคงรักษาจุดเด่นในการให้แรงบิดสูงเป็นช่วงกว้างที่รอบต่ำ ส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง มีระบบป้องกันการพลิกคว่ำและลื่นไถลขณะเข้าโค้ง (Electronic Stability Control – ESC) และมีสวิตซ์ตัดแบตเตอรี่ 2 จุด (ADR2) ตามมาตรฐานความปลอดภัยเพื่องานขนส่งน้ำมันและวัตถุอันตราย และอื่นๆ”

มร.อีริค กล่าวปิดท้ายว่าในปีที่ผ่านมา ยูดี ทรัคส์มียอดตัวเลขจดทะเบียนรถบรรทุกสะสมเติบโตขึ้นกว่า 47% และเรามีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จนขณะนี้เรามีตำแหน่งเป็นเบอร์ 3 ของตลาดรถบรรทุกในประเทศไทย เราจึงเชื่อมั่นว่ารถบรรทุกยูดี มาตรฐานยูโร 5 นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มธุรกิจงานขนส่งเช่นกัน

“และเพื่อเป็นการฉลองการเปิดตัว เรายังมีข้อเสนอสุดพิเศษมอบให้ลูกค้าที่สนใจทำการจองภายในเดือนกุมภาพันธ์ ถึงพฤษภาคมนี้ จะได้รับฟรีแพ็คเกจการบำรุงรักษาตามระยะ 2 ปี พร้อมด้วยน้ำยา Adblue 1000 ลิตร สำหรับรถยูดี เควสเตอร์ และ ฟรีแพ็คเกจการบำรุงรักษาตามระยะ 1 ปี พร้อมด้วยน้ำยา Adblue 500 ลิตร สำหรับรถยูดี โครเนอร์ อีกด้วย”

ขณะที่ประโยชน์ของเทคโนโลยี SCR ที่มีอยู่ในรถบรรทุกยูดี ทรัคส์ทั้งรุ่นเควสเตอร์และโครเนอร์ใหม่มาตรฐานยูโร 5 ซึ่งช่วยบำบัดมลพิษไอเสีย โดยยูดี ทรัคส์ คือผู้ผลิตรถบรรทุกเจ้าแรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ตั้งแต่ปี 2004 ที่ประเทศญี่ปุ่น ทางยูดี ทรัคส์ ประเทศไทย ได้ขมวด 3 ประโยชน์เทคโนโลยี SCR ไว้ดังนี้

เพิ่มผลกำไรให้ธุรกิจ Better efficiency and optimized TCO

• การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ ทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง

• ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอุปกรณ์กรองเขม่า (Diesel Particulate Filter)

• ลดค่าบำรุงรักษาด้วยรอบการบำรุงรักษาตามระยะที่เพิ่มระยะขึ้น หรือ Preventive maintenance (PM) เป็นทุก 60,000 กิโลเมตร สำหรับยูดีเควสเตอร์  เครื่องยนต์ 11 ลิตร

เพิ่มเวลาวิ่งงานให้ยาวนาน Better uptime

• การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ ให้พละกำลังเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มสมรรถนะ

• เครื่องยนต์สะอาด ไม่มีคราบสกปรกจากกระบวนการเผาไหม้ และยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์

ความยั่งยืน Better for the environment 

• ลดมลพิษจากไอเสีย และฝุ่นควัน

• สร้างความยั่งยืนสู่ธุรกิจ อุตสาหกรรมขนส่ง และโลกของเรา