แห่งแรก!ทล.จับมือเอกชนลงนาม PPP พัฒนา“ศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา” M7 ยกระดับแลนด์มาร์คระดับโลก

0
20

กรมทางหลวง(ทล.)จับมือเอกชนลงนามสัญญา PPP พัฒนา “ศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา”M7 ยกระดับสู่แลนด์มาร์คระดับโลก ต้นแบบที่พักริมทางครบวงจรแห่งแรกของไทย คาดเปิดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกบางส่วนในปี 68 และเปิดเต็มรูปแบบในปี 69

วันนี้ (19 กันยายน 2567) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาการให้เอกชนร่วมลงทุนในการพัฒนาและบริหารจัดการโครงการศูนย์บริการทางหลวงศรีราชาบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร – บ้านฉาง ช่วงชลบุรี – พัทยา ระหว่าง กรมทางหลวง และ บริษัท เดอะ เรส วิลเลจ จำกัด โดยมี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม, นายมนตรี เดชาสกุลสม, นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม, นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง, คณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม, ผู้บริหารและผู้แทนบริษัท เดอะ เรส วิลเลจ จำกัด, บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์วิศวกรรม จำกัด และสื่อมวลชนเข้าร่วม ณ โรงแรม Waldorf Astoria Bangkok

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานที่พักริมทางสู่ระดับสากล โดยร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีศักยภาพ เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ตามนโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ที่มุ่งเน้นการสร้างโอกาสและการเข้าถึงระบบคมนาคมขนส่งที่มีคุณภาพให้กับประชาชน พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการจ้างงาน ส่งเสริมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมในภูมิภาค อีกทั้งยังเป็นการเติมเต็มประสบการณ์การเดินทาง เพิ่มความสุขและความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ทาง

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่าโครงการศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา เป็นโครงการที่พักริมทางขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณ กม. 93+500 ระหว่างทางแยกต่างระดับบางพระ (คีรี) และทางแยกต่างระดับหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยแบ่งพื้นที่บริการเป็น 2 ฝั่ง ทิศทางฝั่งขาออกกรุงเทพฯ มีพื้นที่ประมาณ 62 ไร่ ทิศทางฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ มีพื้นที่ประมาณ 59 ไร่ ปัจจุบันมีปริมาณจราจรผ่านพื้นที่โครงการมากกว่า 100,000 คันต่อวัน โครงการนี้นับเป็นที่พักริมทางแห่งแรกของประเทศไทยที่ดำเนินการในรูปแบบ PPP โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ นำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มาบริหารจัดการ และดูแลรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกของที่พักริมทางอย่างมีประสิทธิภาพ โดยวันนี้เป็นการลงนามสัญญาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐ คือ กรมทางหลวงและภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท เดอะ เรส วิลเลจ จำกัด ซึ่งเป็นการผนึกกำลังของบริษัทชั้นนำของประเทศ ประกอบด้วย บริษัท ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์วิศวกรรม จำกัด โดยสัญญามีระยะเวลาดำเนินงาน 32 ปี แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้

•ระยะที่ 1 การออกแบบและก่อสร้าง มีระยะเวลา 2 ปี โดยเอกชนมีหน้าที่ในการจัดหาแหล่งเงินทุน รวมทั้งออกแบบและก่อสร้างพัฒนาที่พักริมทาง และจัดให้มีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในพื้นที่โครงการตามข้อกำหนด 

•ระยะที่ 2 การดำเนินงานและบำรุงรักษา มีระยะเวลา 30 ปี เมื่อโครงการเปิดให้บริการ เอกชนมีหน้าที่บริหารจัดการ ดูแลและบำรุงรักษาที่พักริมทาง ตลอดจนอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เดินทาง โดยจะต้องรักษาระดับการให้บริการให้เป็นไปตามเงื่อนไข KPI ที่กำหนด

ด้านนายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างมาก ที่ได้รับโอกาสจากกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของประเทศไทยในครั้งนี้ ในนามบริษัท เดอะ เรส วิลเลจ จำกัด มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาศูนย์บริการทางหลวงศรีราชาแห่งนี้ให้เป็นต้นแบบของที่พักริมทางระดับโลก และเป็น Landmark แห่งใหม่ของประเทศไทย มีสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่หลากหลาย การออกแบบโครงการยึดหลัก Universal Design โดยผสานนวัตกรรมเข้ากับแนวคิดอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมสะอาด เพื่อสร้างยั่งยืนให้กับโครงการในระยะยาว อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการ คือ อาคารยกระดับคร่อมเหนือมอเตอร์เวย์ (Crossover) ที่มีพื้นที่กว่า 1,500 ตารางเมตร เชื่อมทั้งสองฝั่งของโครงการ รองรับการใช้พื้นที่ร่วมกัน โดยออกแบบให้มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ เพื่อสร้างความประทับใจและดึงดูดผู้ใช้บริการให้แวะพักมากยิ่งขึ้น

ภายหลังจากลงนามสัญญาวันนี้ กรมทางหลวงจะเร่งรัดเอกชนให้เริ่มออกแบบเพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการภายในปี 67 โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกบางส่วน เช่น ลานจอดรถ ห้องสุขา และพื้นที่พักผ่อน ในปี 2568 และเปิดบริการเต็มรูปแบบในปี 2569 ต่อไป