ประมุข 10 ล้ออาเซียน“ยู เจียรยืนยงพงศ์”เชิญร่วมงาน ‘Thailand Transport 4.0’

0
797

 

“ยู เจียรยืนยงพงศ์”ประมุข 10 ล้ออาเซียน และอดีตประมุข 10 ล้อไทย ออกโรงเชิญผู้ประกอบการขนส่งทั่วฟ้าเมืองไทยร่วมงานประชุมสามัญ LTFT ประจำปี 2559 และงาน Thailand Transport 4.0 เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมร่วมระดมมันสมองปลดแอกปัญหาและขับเคลื่อนภารกิจด้านการขนส่งไทยก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0  พร้อมรับฟังการเสวนาจากปาก “กูรู”ด้านนวัตกรรมยานยนต์ ขนส่ง และโลจิสติกส์ 20 พ.ค.ศกนี้ ณ อาคารชาญชัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ

คุณยู เจียรยืนยงพงศ์ ที่แม้ได้โบกมือบ๊ายบายตำแหน่ง “ประมุข 10 ล้อไทย” หรือประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย(LTFT) เพื่อโกอินเตอร์พร้อมก้าวขึ้นสู่แท่น “ประมุข 10 ล้ออาเซียน”กับตำแหน่งประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน(ATF) เมื่อถึงโอกาสสำคัญในการประชุมใหญ่ประจำปี LTFT ก็ไม่ลืมออกโรงเชิญชวนผู้ประกอบการขนส่งเมืองไทยเข้าร่วมงานดังกล่าว ซึ่งได้เปิดเผยกับ Logistics Time Online ว่าจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีสำหรับการประชุมสามัญประจำปีของสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย(LTFT) ซึ่งเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและขับเคลื่อนภารกิจของสหพันธ์ฯให้เดินหน้าต่อไป

“งานประชุมใหญ่สามัญประจำปีนี้จัดขึ้นพร้อมกับงาน“Thailand Transport 4.0 งานแสดงนวัตกรรมสินค้ายานยนต์ ขนส่งและโลจีสติกส์ 4.0” ซึ่งงานจะมีขึ้นในวันที่ 20 พ.ค.ณ อาคารชาญชัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าลากยาวไปจนถึงช่วง 3 ทุ่ม ภายในงานนอกเหนือการประชุมของ LTFT แล้ว ก็จะมีการเสวนาในห้วข้อ “Transport&Thailand 4.0” จากกูรูขึ้นเวทีให้ความรู้ด้านนวัตกรรมยานยนต์ ขนส่ง และโลจิสติกส์ ตลอดถึงการออกบูธร่วมแสดงสินค้าของผู้สนับสนุนการประชุม กิจกรรมการประกวดผลงานของน้องๆนักศึกษาในโครงการ “แข่งขันการประกวดโลจิสติกส์ระบบอัจฉริยะ”และปิดท้ายด้วยการเลี้ยงสังสรรค์ จึงถือโอกาสนี้ใคร่เชิญชวนผู้ประกอบการขนส่งและผู้สนใจเข้าร่วมงานนี้ตามวันเวลา และสถานที่ที่กล่าวมาข้างต้น”

นอกจากนี้ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน(ATF) กล่าวอีกว่าขณะที่มุมมองของสมาชิกเองก็ดี หรือแม้กระทั่งในสายตาของสังคมภายนอกก็ดี บางคนอาจมองว่าการขับเคลื่อนภารกิจของสหพันธ์ฯในรอบขวบปีที่ผ่านมายังล่าช้าอยู่ ส่วนหนึ่งแล้วก็ต้องยอมรับว่ายังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนของนโยบายและทีมงานชุดใหม่อาจมีปัญหาล่าช้าอยู่บ้าง ถีงกระนั้น ทุกคนยังมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะร่วมกันผลักดันนโยบายและการขับเคลื่อนภารกิจต่างๆให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี

“ส่วนการขับเคลื่อนภารกิจต่างๆในปีที่ 2 ก็เชื่อในความตั้งใจจริงของทีมงานจะส่งแรงหนุนและเป็นใบเบิกทางให้การขับเคลื่อนภารกิจในทุกมิติเกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เราทราบกันดีว่าแวดวงขนส่งไทยถูกรุมเร้าด้วยสารพัดปัญหาและถูกซ่อนไว้ใต้พรมมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการความไม่เคยชินกับการถูกบังคับทางกฎหมาย ที่เป็นข้อบังคับที่ถูกปล่อยให้ละหลวมมาช้านานจนกลายเป็นความเคยชิน ดังนั้น เมื่อเปลี่ยนเป็นกฎหมายแล้วทุกคนก็ต้องปรับตัวและยอมรับปฏิบัติภายใต้ข้อบังคับและกติกาเดียวกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

อย่างไรก็ดี อดีตประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย(LTFT) กล่าวทิ้งท้ายว่าวันนี้พวกเรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 กันแล้ว ผู้ประกอบการขนส่งไทยจะต้องตื่นตัวและตื่นรู้กับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวบทกฎหมายด้านการขนส่งข้ามแดน ขณะที่เรื่องของการติดตั้ง GPS เมื่อมีผลบังคับทางกฎหมายแล้วผู้ประกอบการขนส่งทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

“ที่สำคัญกว่านี้ก็อยากฝากข้อแนะนำไปถึงกรมการขนส่งฯต้องนำเรื่องนี้มาบังคับใช้อย่างจริงจัง และดูแลผู้ประกอบการขนส่งอย่างทั่วถึง ตลอดถึงการบังคับใช้กฎหมายก็ควรที่ออกข้อบังคับในสิ่งที่เป็นไปได้เท่านั้น เช่น กรณีการที่จะให้คนขับรถเป็นเวลา 4 ชม.แล้วไม่มีจุดพักรบรองรับ หากจอดรถริมถนนทั่วไปก็อาจเกิดปัญหาด้านการจราจรและอุบัติเหตุตามมาได้ หากกรมฯได้รับการสั่งการจากผู้หลักผู้ใหญ่ในด้านการบังคับใช้กฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว หากเรื่องนั้นไม่สามารถปฏิบัติได้จริงก็ควรรายงานกลับไปยังผู้บังคับบัญชาอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่สักแต่ว่ารับคำสั่งมาแล้วแต่กลับปฏิบัติตามไม่ได้ กลับกลายสร้างปัญหาซ้ำซากจนนายกฯต้องลงมาล้วงลูกและงัดม.44 มาแก้ไขปัญหาเสียเองโดยใช่เหตุ”