นิตยสาร LOGISTICS TIME ฉบับประจำเดือนตุลาคม 2561 ท่ามกลางวันดีเดย์กันแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ขสมก.รับบทหนักจัดหารถโดยสารปรับอากาศวิ่งแทนรถตู้หมดอายุราว 1,800 คัน ดูจากข้อมูลมีหลายเส้นทาง ประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ยืนยัน ขสมก.เตรียมรถโดยสารปรับอากาศมาให้บริการเพิ่มพร้อมทุกเส้นทาง เช่น มีนบุรี-จตุจักร จัดไว้ 10 คัน มีนบุรี – ปากเกร็ด จัดไว้10 คัน มีนบุรี – ฟิวเจอร์พาร์ดรังสิต จัดไว้ 10 ค้น อนุสาวรีย์ชัย- ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต จัดไว้ 20 คัน และอีกหลายๆเส้นทางในกรุงเทพฯและปริมณฑล
..แต่ทว่า ผู้โดยสารอาจจะไม่คุ้นเคยเพราะเปลี่ยนมานั่งรถเมล์ปรับอากาศแทนที่จะเป็นรถตู้โดยสารปรับอากาศก็ต้องทำใจเอาสักพักคงชินไปเอง เปลี่ยนมานั่งรถเมล์ปรับอากาศก็ไม่เร็วนะ แต่กระนั้นภายในรถอาจจะเก่าไปหน่อย ..ยอมรับว่าทำใจลำบากเหมือนกัน … อินทราภรณ์ เองก็อาศัยรถโดยสารสาธารณะเดินทางประจำเช่นกัน ก็อดเป็นห่วงว่าเอาเข้าจริงจำนวนรถโดยสารเมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารจะสอดคล้องกันหรือไม่ และการปล่อยเที่ยวรถโดยสารจะสัมพันธ์กับผู้โดยสารแค่ไหน นี่ต่างหากประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาเดินทางทำงานของผู้โดยสาร มนุษย์เงิน ในช่วงเช้าและบ่าย ฝากเจ้าหน้าที่ ขสมก.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องลงมาดูแลเข้มงวดเรื่องนี้ด้วย … แต่อย่าอ้างแบบข้างคูๆ ว่าเป็นมาตรการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอาจจะมีปัญหาขลุกขลักบ้าง ขอเถอะ..อย่าอ้างมันฟังไม่ขึ้นดอกนะออจ้าว!!! กรมการขนส่งทางบกเองทราบปัญหานี้ล่วงหน้าตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ดังนั้น การแก้ปัญหาย่อมมีเวลาคิดวางแผนล่วงหน้าได้อยู่แล้ว
แว่วข่าวจากกระทรวงหูกวางว่า กำลังคิดเตรียมปรับขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม บอกว่า คมนาคมอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารรถสาธารณะทั้งระบบให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงในปัจจุบัน อาทิ รถเมล์ รถร่วมและรถทัวร์เป็นต้น และอยู่ระหว่างรอผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ก่อนส่งผลการศึกษามายังคมนาคม ..อย่าหาว่า อินทราภรณ์ มิบังอาจเลย ที่คิดสอนมวย รมต.คมนาคม หากเป็นรัฐบาลปกติไม่ใช้รัฐบาล คสช. เชื่อว่าไม่คิดจะปรับค่าโดยสารรถแน่นอน เพราะทำให้เสียคะแนนความนิยมรัฐบาลโดยใช่เหตุ แต่จะอีกทีก็โน่นเลยหลังเลือกตั้งได้รัฐบาลชุดใหม่แล้ว
วกมาที่กรมการขนส่งทางบก กลายเป็นข่าวร้อนขึ้นทันที หลังปรับขึ้นค่าเช่าสถานีขนส่งสินค้า พุทธมณฑลสาย 5 ในเดือนตุลาคม นี้ กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งสินค้าลูกค้า หรือเป็นผุ้เช่าพื้นที่ร้อง “จ๊าก” ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะรายย่อยและรายใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเช่าพื้นที่ใหม่โดนกันทั่วหน้า ดร.ชุมพล สายเชื้อ รองนายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ เดินทางยื่นหนังสือถึงท่านอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ใช้คำว่า ขอความอนุเคราะห์ชะลอปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่ครั้งนี้ออกไปก่อน เพราะเหตุค่าเช่าพื้นที่สถานี สาย 5 ปรับขึ้นสูงเกินตั้ง 20- 30% คนทำธุรกิจตามหลักการผลกำไรน่าจะอยู่ที่ 20 -30% เท่านั้น ถ้าหากเอามาจ่ายค่าเช่าพื้นที่ก็จบแห่กันพอดี ล่าสุด ดร.ชุมพล เครื่องร้องบอกว่า เราจ่อนำเรื่องนี้ร้องศาลปกครอง ขณะนี้ได้คุยกันทนายเตรียมคำร้องต่อศาลปกครอง อินทราภรณ์ ขอส่งแรงใจช่วยอีกแรงหนึ่งขอให้ได้ข้อยุติในเร็ววันละกัน
..ขอแสดงความยินดีกับการท่าเรือฯเมื่อทำการเดินหน้าในการจัดทำ โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยในชุมชนคลองเตยให้เป็น Smart Community รองรับชาวชุมชนในอาณาบริเวณพื้นที่เขตคลองเตยรวม 26 ชุมชนของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) บอกว่า เพื่อจัดระเบียบที่อยู่อาศัยของชุมชนแออัดบริเวณเขตคลองเตยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มุ่งเน้นการพัฒนาสังคมและโอกาสทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสุขอนามัยภายในชุมชน ควบคู่ไปกับการประกอบธุรกิจของ กทท. โดยกำหนดพิธีเปิดโครงการฯ ประมาณเดือนธันวาคม 2561 นี้
ตบท้ายแวดวงการเมืองบ้าง หลังปลดล็อกคลายล็อกการเมืองก็เริ่มเห็นเค้าลางชัดเจนมากขึ้น สปอร์ตไลท์จับจ้องไปที่ 2 พรรคใหญ่ พรรคเพื่อไทย กับ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นทั้ง 2 พรรคต่างเรียกประชุมพลพรรคพร้อมๆกันวันเดียวกัน เมื่อวันที่ 26 ก.ย.61 ที่ผ่านมา แต่ประชุมกันคนละสถานที่นะ ยุดนี้การเมืองเป็นเรื่องคนรุ่นใหม่ยุด 4.0 มีนักการเมืองรุ่นใหม่ต่างเปิดตัวกันเป็นว่าเล่น แต่อดแปลกใจไม่น้อย พรรคพลังประชารัฐ กลับไม่มีนักการเมืองรุ่นใหม่ๆ เหมือนกับพรรคอื่นๆในเวลานี้ พรรคนี้มีแต่นักการเมืองรุ่นใหญ่รุ่นลายคราม อีกหน่อยไปไหนมีหวังต้องพกยาลดความดัน ยาละลายไขมัน ยาละลายลิ่มเลือด แล้วอย่างนี้จะฝากความหวังให้ดูแลบ้านเมืองได้อย่างไรไหว เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ
อีกฝากฝั่ง”บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีรัฐบาล คสช. ดูเหมือนแน่นอน 1000% พร้อมลุยการเมืองต่ออีกสมัย แต่ยังมีเวลาคิดเรื่ืองนี้ให้รอบคอบ หากย้อนดูอดีตทหารกับการเมืองยังไม่มีนายทหารคนไหนประสบความสำเร็จบนเวทีการเมือง ที่ผ่านมา ยุด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษ อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะดำรงตำแหน่งนายกฯเวลาก็ใช่ว่าจะนำพาประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองโชติช่วงชัชวาลแต่อย่างใดไม่
แต่อย่างไรก็ตาม พล.อ.เปรม เป็นนายกฯที่มีความโดดเด่นตรงที่มีความซื่อสัตย์ สุจริตต่อชาติบ้านเมืองถึงสามารถครองอำนาจในตำแหน่งนายกฯได้ตลอดเวลา 8 ปี ถัดมาถึงยุดนายทหารที่ชื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ พูดกันตรงๆ ในยุดนั้น “บิ๊กจิ๊ว” เข้าบริหารประเทศชาติได้ไม่นานเกิดกรณีวิกฤตเศรษฐกิจตุ้มย่ำกุ้งปี 2540 กลายเป็นนายกฯที่บริหารประเทศไม่ประสบความสำเร็จชัดเจนที่สุด …0กลับมายุดนี้ หากทอดสายตามองไกลออกไป การเลือกตั้งคราวหน้าปี 2562 ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 ฉบับใหม่ล่าสุด มีเสียงหนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเก้าอี้นายกฯต่ออีกสมัยหนึ่งด้วยคะแนนท้วมท้น แต่การบริหารประเทศล่ะไม่ยามวิเคราะห์ต่ออีกจะเป็นอย่างไร ปวงชนชาวไทยทั้งประเทศเท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด ทราบแล้วเปลี่ยน …
พบกันใหม่ฉบับหน้า …