ก้าวสู่ปีที่ 10 แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สานต่อความเป็นผู้นำในการให้บริการตามมาตรฐานสากล

0
112

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล  ลิงก์ ก้าวเดินสู่ปีที่ 10 สานต่อความเป็นผู้นำในการให้บริการตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ขององค์กร พร้อมรองรับการใช้บริการของผู้โดยสารตามวิถี New Normal คาดปี 2021 ผู้โดยสารทะลุ 200 ล้านคน

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยภายในงาน “ลงเรือลำเดียวกัน ครบ 1 ทศวรรษการให้บริการ” ของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ว่า ในปี 2564 ที่จะมาถึง บริษัทจะครบรอบ 10 ปี หรือ 1 ทศวรรษในการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์  ซึ่งที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 10 ปี บริษัทได้ดำเนินงานยกระดับการให้บริการแก่ผู้โดยสาร เพื่อที่จะก้าวเป็นผู้นำในการให้บริการตามมาตรฐานสากล สอดคล้องตามวิสัยทัศน์ขององค์กร

โดยบริษัทได้นำระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 มาใช้ในการดำเนินงานทั้งการซ่อมบำรุง และการปฏิบัติการเดินรถ และให้บริการอย่างต่อเนื่อง จนผ่านการรับรอง ISO 9001 : 2015 ขอบเขต : วิศวกรรมและซ่อมบำรุง และขอบเขต : งานปฏิบัติการเดินรถไฟฟ้า จาก BV (Bureau Veritas)

ด้วยระบบบริหารคุณภาพรับรอง ISO 9001 : 2015 ทำให้การดำเนินงานของบริษัทมีมาตรฐาน และประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทั้งในงานซ่อมบำรุง และการให้บริการ โดยงานวิศวกรรมซ่อมบำรุงสามารถซ่อมบำรุงใหญ่ขบวนรถไฟฟ้า (Overhaul) และซ่อมบำรุงทั่วไป จนสามารถกลับมาให้บริการรถไฟฟ้าได้เต็มจำนวน 9 ขบวน รวมถึงปรับเปลี่ยนภายในขบวนรถไฟฟ้าด่วน (Express) ทำให้สามารถอำนวยความสะดวก และรองรับจำนวนผู้โดยสารได้เพิ่มมากขึ้น

ส่วนในด้านงานบริการ และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร บริษัทได้ดำเนินการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยภายในสถานีตามหลักการ Universal Design หรือการออกแบบเพื่อการใช้งานของคนทุกกลุ่มในสังคม มีการสร้างลิฟต์ บันไดเลื่อน เพิ่มเติมจากตอนเริ่มโครงการ รวมทั้งหมด 140 ตัว ในปัจจุบัน นอกจากนั้น ยังได้มีสร้างราวกั้นชั้นชานชาลา และยางปิดช่องว่างระหว่างขอบชานชาลา และประตูรถไฟฟ้า (Platform Gap Filler) เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการของผู้โดยสาร รวมถึงจัดหาอุปกรณ์ทางพาดพับได้สำหรับรถเข็นวีลแชร์ (Portable wheelchair ramp) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ทุพพลภาพ และคนพิการ ให้สามารถเข้าสู่ขบวนรถไฟฟ้าได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังมอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้โดยสารมากมาย ทั้งการให้สิทธ์เดินทางฟรี และจัดแคมเปญพิเศษในวันสำคัญต่างๆ เช่น วันเด็ก , วันสงกรานต์ (ผู้สูงอายุ) , วันแม่ , วันพ่อ และวันปีใหม่ รวมถึงจัดกิจกรรมการตลาดเอาใจผู้โดยสารมากมาย อาทิ  “Early Bird #ตื่นเถิดคนกรุง” เพื่อส่งเสริมให้ผู้โดยสารใช้บริการในช่วงเช้า ด้วยการมอบส่วนลดในการเดินทาง , บัตรชมภาพยนต์ และเสิร์ฟอาหารเช้าให้แก่ผู้โดยสาร หรือออกมาตรการลดค่าโดยสารนอกช่วงเวลาเร่งด่วน (Off Peak Hour) วันจันทร์-วันศุกร์ ใน 3 ช่วงเวลา ได้แก่ 05.30 – 07.00 น., 10.00 – 17.00 น. และ 20.00 – 24.00 น. ให้แก่ผู้โดยสารที่ถือบัตรสมาร์ทพาสประเภทบุคคลทั่วไป (Adult Card) จากอัตราค่าโดยสารปกติ 15-45 บาท เหลือ 15-25 บาทเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้โดยสาร ลดภาระค่าครองชีพที่ใช้จ่ายประจำวัน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแค่การดำเนินธุรกิจเท่านั้นที่บริษัทให้ความสำคัญ ในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมก็ถือเป็นนโยบายที่บริษัท ให้ความสำคัญเช่นกัน โดยได้จัดกิจกรรม CSR กับชุมชน และโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียงกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล  ลิงก์ หลายต่อหลายโครงการ อาทิ โครงการส่งต่อความรู้สู่มือน้อง โครงการประกวดวาดภาพระบายสีนักเรียนชั้นประถม และมัธยมศึกษาตอนต้น หรือโครงการตรวจสุขภาพ เป็นต้น

ด้วยการดำเนินงานที่มีมาตรฐาน และประสิทธิภาพ ทำให้ผู้โดยสารมีความพึงพอใจในการใช้บริการ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล  ลิงก์ สังเกตได้จากผลสำรวจความพึงพอใจประจำปีที่มีแนวโน้มดีขึ้นมาโดยตลอด ล่าสุด ผลสำรวจความพึงพอใจผู้โดยสารประจำปี 2563 ซึ่งมีการเก็บรวบรวมถึง 2 ครั้ง ปรากฏว่าผู้โดยสารมีความพึงพอใจในการให้บริการของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล  ลิงก์ อยู่ในระดับที่ดีมาก โดยคะแนนเต็ม 5 ในด้านความปลอดภัยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.36 , ด้านความน่าเชื่อถือของการเดินรถเฉลี่ยอยู่ที่ 4.23 , ด้านการให้บริการเฉลี่ยอยู่ที่ 4.33 , ด้านคุณภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกบนสถานี และในขบวนรถเฉลี่ยอยู่ที่ 4.23 , ด้านบัตรโดยสาร และการตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 4.19 และด้านการประชาสัมพันธ์ และการให้ข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 4.17

ในการก้าวสู่ปีที่ 10 บริษัทยังคงเดินหน้าสานต่อการดำเนินงานต่างๆ ที่ผ่านมา เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการให้บริการตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ขององค์กรต่อไป  โดยคาดว่าจำนวนผู้โดยสารรวมนับตั้งแต่เปิดให้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 185 ล้านคน จะทะลุเกิน 200 ล้านคนอย่างแน่นอน เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารเริ่มกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง หลังรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 มากขึ้น ซึ่งแม้จะมีผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับมาตรการ ป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 เช่นเดิม โดยมีการติดตั้งจุดคัดกรองอุณหภูมิ ที่บริษัทได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย หรือ เทอร์โมสแกน ซึ่งเป็นกล้องสำหรับตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายแบบไม่สัมผัส และตรวจตราการสวมหน้ากากอนามัยของผู้โดยสารก่อนเข้าใช้บริการอย่างเข้มงวด รวมถึงยังคงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ( Social Distancing ) ที่ขอความร่วมมือผู้โดยสารเว้นระยะห่าง 2 เมตรขณะรอซื้อตั๋วโดยสาร และตรวจวัดอุณหภูมิ หรือยืนในระยะห่างที่เหมาะสมขณะใช้ลิฟต์ และบันไดเลื่อน รวมทั้งมีการจัดระเบียบผู้โดยสารในชั้นชานชาลาให้มีระยะห่างระหว่างกันอย่างเหมาะสม ซึ่งหากในกรณีมีผู้โดยสารหนาแน่น จะดำเนินการจำกัดปริมาณผู้โดยสารที่จะขึ้นสู่ชั้นชานชาลา และภายในขบวนรถไฟฟ้า โดยกำหนดพื้นที่ในการยืนรอห่างกัน 1 เมตร งดเว้นการพูดคุยภายในตู้โดยสาร และมีการเพิ่มความถี่ในการดูแลทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคบริเวณสถานี และในขบวนรถไฟฟ้า

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าการสานต่อวิสัยทัศน์ในความเป็นผู้นำในการให้บริการตามมาตรฐานสากล และความเข้มงวดในมาตรการจะช่วยอำนวยความสะดวก และรักษาความปอลดภัยให้แก่ผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ