ทล.ยังระดมกำลังช่วยเหลือปชช.ในพื้นที่น้ำท่วม

0
34

กรมทางหลวง ยังระดมกำลังวางกระสอบทรายกั้นน้ำกอบกู้เส้นทางน้ำท่วม จัดรถ รับ – ส่ง ช่วยเหลือประชาชน พร้อมสรุปสถานการณ์น้ำท่วมบนทางหลวง ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ยังผ่านไม่ได้ 22 แห่ง

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมทางหลวง (ทล.) ได้ดำเนินภารกิจกู้เส้นทางในหลายจังหวัด โดยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่วางกระสอบทรายกั้นน้ำบริเวณริมไหล่ทางด้านนอกและสูบน้ำที่ท่วมผิวทางในเส้นทางที่ได้รับผลกระทบตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนั้น ยังมีการมีการมอบเวชภัณฑ์ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ ให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างสำเร็จลุล่วง พร้อมเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพื้นที่ใดประสบปัญหาก็จะระดมบุคลากร นำเครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์เข้าให้การช่วยเหลือเพื่อเร่งระบายน้ำและบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็วที่สุด เพื่อรักษาสภาพถนนให้ประชาชนเดินทางได้อย่างปลอดภัย ป้องกันเส้นทางไม่ให้เกิดทางขาด สะพานขาดอย่างเต็มที่ สำหรับเส้นทางที่น้ำลดแล้วได้มีการสำรวจความเสียหายของ ถนน สะพาน และระบบระบายน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยในการสัญจรโดยเร็วที่สุดอย่างต่อเนื่อง ตามข้อสั่งการของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มีความห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัยในครั้งนี้ พร้อมทั้งเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

พร้อมกันนี้ ทล.ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยและดินสไลด์บนทางหลวง โดย สถานการณ์ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2565 เวลา 12.30 น. พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ จ.ขอนแก่น ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี มหาสารคาม อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และสิงห์บุรี รวมจำนวน 21 สายทาง 29 แห่ง และการจราจรผ่านไม่ได้ 22 แห่ง ในพื้นที่ 7 จังหวัด ดังนี้

1. จังหวัดขอนแก่น จำนวน 3 แห่ง ได้แก่

– ทางหลวงหมายเลข 2065 ตอน พล – ลำชี ในพื้นที่ อ.พล ช่วง กม.ที่ 33+150 – 34+000 ทางขาด ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

 – ทางหลวงหมายเลข 2131 ตอน บ้านสะอาด – เหล่านางาม ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 6+700 – 8+200 ระดับน้ำ 20 – 30 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน  

 – ทางหลวงหมายเลข 2183 ตอน น้ำพอง – โคกท่า ในพื้นที่ อ.น้ำพอง ช่วง กม.ที่ 14+200 – 15+100 ระดับน้ำ 45 – 55 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงแยกโคกท่า กม.25+600

 2. จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 8 แห่ง ได้แก่

 – ทางหลวงหมายเลข 226 ตอน ศรีสะเกษ – ห้วยขะยุง ในพื้นที่ อ.กันทรารมย์ ช่วง กม.ที่ 311+000 – 313+384 ระดับน้ำ 55 – 60 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยง ทล.2178

 – ทางหลวงหมายเลข 2083 ตอน หัวช้าง – สะเดา ในพื้นที่ อ.ราษีไศล ช่วง กม.ที่ 16+000 – 19+500 ระดับน้ำ 45 – 70 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

– ทางหลวงหมายเลข 2086 ตอน บ้านด่าน – เมืองน้อย ในพื้นที่ อ.ราษีไศล ช่วง กม.ที่ 27+500 – 29+000 ระดับน้ำ 60 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

 – ทางหลวงหมายเลข 2086 ตอน บ้านด่าน – เมืองน้อย ในพื้นที่ อ.ราษีไศล ช่วง กม.ที่ 30+000 – 31+500 ระดับน้ำ 45 – 50 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

– ทางหลวงหมายเลข 2086 ตอน บ้านด่าน – เมืองน้อย ในพื้นที่ อ.ราษีไศล ช่วง กม.ที่ 37+000 – 39+500 ระดับน้ำ 45 – 50 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้   

– ทางหลวงหมายเลข 2086 ตอน เมืองน้อย – กันทรารมย์ ในพื้นที่ อ.กันทรารมย์ ช่วง กม.ที่103+500 – 107+125 ระดับน้ำ 80 – 90 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

– ทางหลวงหมายเลข 2373 ตอน โนนสำนัก – ดอนไม้งาม ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 12+000 – 16+050 ระดับน้ำ 45 – 75 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

– ทางหลวงหมายเลข 2412 ตอน ท่าศาลา – ละทาย ในพื้นที่ อ.กันทรารมย์ ช่วง กม.ที่ 12+000 – 16+500 เป็นช่วงๆ ระดับน้ำ 50 – 70 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

3. จังหวัดหนองบัวลำภู จำนวน 1 แห่ง

 – ทางหลวงหมายเลข 2146 ตอน หนองบัวลำภู – เขื่อนอุบลรัตน์ ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 39+500 – 42+000 ระดับน้ำ 45 – 60 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยง ทช.4013

4. จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 6 แห่ง

– ทางหลวงหมายเลข 23 ตอน เขื่องใน – อุบลราชธานี ในพื้นที่ อ.เมืองอุบลราชธานี ช่วง กม.ที่ 260+700 – 261+800 ระดับน้ำ 35 – 55 ซม. ใช้ทางเลี่ยง ทล.2383

– ทางหลวงหมายเลข 24 ตอน วารินชำราบ – อุบลราชธานี ในพื้นที่ อ.วารินชำราบ ช่วง กม.ที่ 418+400 – 419+600 ระดับน้ำ 105 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยง ทล.217 ทางแยกต่างระดับบัวเทิง เลี้ยวซ้ายไปสะพานข้ามแม่น้ำมูล เข้าสู่ตัวเมืองอุบลราชธานี

– ทางหลวงหมายเลข 226 ตอน ห้วยขะยุง – วารินชำราบ ในพื้นที่ อ.วารินชำราบ ช่วง กม.ที่ 313+400 – 313+700 ระดับน้ำ 50 ซม. ใช้ทางเลี่ยง ทล.2178

– ทางหลวงหมายเลข 226 ตอน ห้วยขะยุง – วารินชำราบ ในพื้นที่ อ.วารินชำราบ ช่วง กม.ที่ 319+600 – 319+800 ระดับน้ำ 70 – 80 ซม. ใช้ทางเลี่ยง ทล.2178

– ทางหลวงหมายเลข 231 ถนนวงแหวนรอบเมืองอุบลราชธานี ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 3+600 – 8+200 ระดับน้ำ 80 – 115 ซม. ใช้ทางเลี่ยงถนนวงแหวนด้านทิศตะวันออก ทล.231

– ทางหลวงหมายเลข 2404 ตอน เขื่องใน – นาคำใหญ่ ในพื้นที่ อ.เขื่องใน ช่วง กม.ที่ 9+920 – 14+480 เป็นช่วง ๆ ระดับน้ำ 50 – 65 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยง ทล.2382

5. จังหวัดอ่างทอง จำนวน 1 แห่ง

– ทางหลวงหมายเลข 3501 ตอน อ่างทอง – บางหลวงโดด ในพื้นที่ อ.ป่าโมก ช่วง กม.ที่ 9+900 – 11+000 ระดับน้ำนอกคันกั้นดิน 80 ซม. น้ำท่วมผิวจราจร 15 – 20 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้

6. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 1 แห่ง

– ทางหลวงหมายเลข 3412 ตอน อยุธยา – บางบาล ในพื้นที่ อ.บางบาล ช่วง กม.ที่ 9+793 – 15+950 ระดับน้ำ 35 – 50 ซม. ให้ใช้ทางเลี่ยง เลี้ยวซ้ายเข้าวัดบ้านขวางออกทางหลวงชนบท 4038

7. จังหวัดสิงห์บุรี จำนวน 3 แห่ง

– ทางหลวงหมายเลข 311 ตอน แยกวัดสนามไชย – วัดกระดังงา ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 32+022 – 35+100 ระดับน้ำ 80 – 100 ซม. (ทางโค้งด้านใน) การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยงทางหลวงชนบท สห.3030

– ทางหลวงหมายเลข 311 ตอน วัดกระดังงา – บ้านม้า ในพื้นที่ อ.อินทร์บุรี ช่วง กม.ที่ 39+900 – 44+100 ระดับน้ำ 65 – 80 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยงทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย)

– ทางหลวงหมายเลข 3030 ตอน ดงมะขามเทศ – บางระจัน ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 0+000 – 0+100 ระดับน้ำ 30 – 40 ซม. ให้ใช้ทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน

ทั้งนี้ ทล.ได้สั่งการให้ สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงทั่วประเทศ เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีพื้นที่ใดประสบปัญหา เจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทันที นอกจากนี้ ทล. ได้ติดตั้งป้ายเตือนและอุปกรณ์ความปลอดภัย อุปกรณ์นำทาง ในบริเวณทางหลวงที่ถูกน้ำท่วม พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์จนกว่าจะคลี่คลาย โดยขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด

หากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือ ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อ ได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางและเส้นทางเลี่ยงได้ที่ทวิตเตอร์ กรมทางหลวง @prdoh1