วันนี้ (17 พ.ย. 66) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลพร้อมเดินหน้าผลักดันการพัฒนาศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center – ATTRIC) ของประเทศไทย ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อนำพาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการทดสอบด้านมาตรฐานยานยนต์อันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับที่ 11 ของโลก โดยล่าสุด นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติแล้ว พบว่า ณ ปัจจุบันศูนย์ ATTRIC ได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้ว 55%
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในการพัฒนาศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ได้มีการก่อสร้างสนามทดสอบแล้วเสร็จจำนวน 5 สนาม ยังเหลืออีก 1 สนามที่ยังคงก่อสร้างอยู่ ซึ่งสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ผู้เป็นหน่วยงานหลักในการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ มีความมั่นใจว่า ศูนย์ทดสอบฯ จะพร้อมเปิดให้บริการครบวงจรได้ในปี 2569 และจะทำให้คนไทยได้เป็นเจ้าของศูนย์ทดสอบมาตรฐานโลกแห่งแรกในอาเซียน พร้อมหนุนเสริมนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ คาดว่าจะสร้างรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่าปีละ 1,000 ล้านบาท
นางรัดเกล้า กล่าวว่า การสานต่อโครงการก่อสร้างศูนย์ทดสอบฯ นี้ เป็นตัวอย่างให้เราได้เห็นการทำงานอย่างไร้รอยต่อของรัฐบาลไทย ที่มุ่งเน้นสร้างความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับประเทศ โครงการก่อสร้างศูนย์ทดสอบฯ นี้ได้รับไฟเขียวจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 ภายในกรอบวงเงิน 3,705.7 ล้านบาท บนพื้นที่ 1,234.98 ไร่ ณ ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)
โดยในวันนี้การก่อสร้างได้เดินทางมาเกินครึ่งทางแล้ว ซึ่งเมื่อก่อสร้างเสร็จสิ้น ศูนย์ทดสอบฯ นี้จะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อของไทย ไปสู่การเป็นซุปเปอร์คลัสเตอร์ (Super Cluster) นำพาประเทศไทย สู่อุตสาหกรรม 4.0 และเป็นศูนย์กลางของของอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์สมัยใหม่ ดึงดูดนักวิจัย และนักลงทุนจากทั่วโลกสู่ประเทศไทยอีกด้วย
“ศูนย์ทดสอบฯ นี้ เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการส่งเสริมให้ประเทศไทย เป็นเป้าหมายของการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งจะนำมาด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพราะเกิดการจ้างงานในชุมชน ประชาชนในพื้นที่ มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็น Landmark แห่งใหม่ของจังหวัดฉะเชิงเทราอีกด้วย นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และน่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับพวกเราคนไทย” รองโฆษก รัดเกล้าฯ กล่าว
