เส้นทางรถเมล์ใหม่บน…ซากรถเมล์เก๊าเก่า ใครได้ใครเสีย?

0
207

ท่ามกลางความฝันคนกรุงที่จะฤกษ์มงคลยกบั้นท้ายงาม ๆบรรจงนั่งรถเมล์ใหม่หลังขสมก.ยกเลิกสัญญาจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 489 คัน ที่การตั้งไข่ครั้งล่าสุดก็ต้องล้มประมูลเหตุไร้เงาผู้ยื่นซองประมูลแม้แต่รายเดียว จนป่านนี้การประมูลครั้งใหม่(ไม่รู้จะใหม่อีกกี่สิบชาติ)ก็ยังเงียบเป็น“เป่าสากฝังครก” อยู่เลยครับพระเดชพระคุณท่าน

ขณะที่คนกรุงกำลังหาวเรอรอแบบลมๆแล้งๆอยู่นั้น จู่ๆพี่หนิท-สนิท พรมวงษ์ อธิบดีกรมขนส่งทางบกของกระผม ก็สร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์ให้สังคมได้“อึ้งกิ่มกี่”พลางขยี้ตาจนแสบสันต์อีกแล้วครับท่าน กับแผนสุดหรูปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางฯ ได้กำหนดชื่อเส้นทางอย่างเป็นระบบในเชิงพื้นที่ใหม่โดยเบื้องต้นแบ่งเป็น 4 โซน กำหนดสัญลักษณ์เชิงสีออกเป็น 4 สี หมายเลขเส้นทางไม่เกิน 2 หลัก และตัวอักษร ส่วนเส้นทางที่มีต้นทางและปลายทางเดียวกัน แต่ใช้ทางพิเศษได้กำหนดตัวอักษรเพื่อความเข้าใจ คือ Expressway : E

โดยจะทดลองเดินรถ 8 เส้นทางเป็นเวลา 1 เดือน ระหว่าง 15 ส.ค.– 15 ก.ย.นี้ซึ่งจะเดินรถควบคู่กับการให้บริการในเส้นทางเดิม กำหนดเวลาการเดินรถที่เหมาะสม ค่าโดยสารอัตราเดียวกับที่ ขสมก. จัดเก็บ และเพื่อให้ง่ายแก่การจดจำ บริเวณด้านหน้ารถและด้านข้างรถต้องมีแถบสีแสดงพื้นที่ให้บริการและเส้นทาง รวมถึงแสดงชื่อเส้นทางใหม่ ควบคู่กับเลขสายรถและชื่อเส้นทางเดิม พร้อมทั้งจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ทุกช่องทาง

อย่างเช่น สายสาย G59E มีนบุรี – ท่าเรือสี่พระยา (ทางด่วน) สายเดิม คือ 514 มีนบุรี – ถนนรัชดาภิเษก – สีลม คนกรุงที่ใช้รถเมล์ต้องล้างเมมโมรี่เก่าแล้วทดแล้วเอาในใจ เพื่อจดจำและทำความเข้าใจกับสาย G59E ใหม่ ไล่มาตั้งแต่อักษร G คืออะไร เลขเส้นที่ใหม่ที่ไม่เกิน 2 ตัวเลข และ E  ที่ตัองจำ จำ และจำให้ดีขึ้นใจ

แม้พอจะเข้าใจได้กับตัวอักษร G ที่หมายถึงโซนรถเมล์สีเขียว ที่ถูกแบ่งเป็นโซนเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าหลากสีอะไรพันธุ์นั้น และตัว E คือขึ้นทางด่วน แต่ตัวเลขใหม่นี้ 59 นี่สิ เพราะอย่าลืมนะครับว่าคนใช้รถเมล์มาทั้งชีวิตมันฝังในเมมโมรี่ของเขาแล้วว่าสาย 514 ต่อให้หลับตายังรู้เลยว่าวิ่งไปมาไหน พอตัดต่อสายพันธุ์ใหม่วิ่งมานี่ผู้โดยสารคงใส่ใจชื่อสายใหม่ไม่เต็มตาหรอก เพราะเขาคงจ้องตาเป็นมันกับป้ายด้านขวาล่างหน้ากระจกรถที่บอกถึงเส้นทางสายเก่าที่คุ้นเคย

คนรุ่นเก่า-ใหม่ที่สมองไวหัวไวก็พอรับได้อยู่หรอก แต่ตาสีตาสานี่สิ ไม่รู้ว่าพี่หนิทลืมคิดไปหรือเปล่า?

และแม้พอจะเข้าใจได้ถึงความตั้งใจจริงของพี่หนิทของกระผมที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบ้าง ไอ้ที่มัวจมปรักย่ำอยู่กับที่โดยที่ไม่ลุกขึ้นปรับปรุงและพัฒนาองค์กรเลย ก็อาจโดนสังคมประณามได้ว่ารู้จักยกระดับการพัฒนาให้สอดรับการการพัฒนาโครงสร้างของเมือง ลำพังเผชิญกับปมแสลงใจกับรถเมล์ที่ “โคตรเก๊าเก่า” บริการที่“โคตรห่วยแตก” บวกกับที่ต้อง“แบกหนี้”นับแสนล้านบาทก็หน้ามืดจนลืมบ้านเลขที่อยู่แล้ว

ก็ต้องลุ้นล่ะครับว่าหนึ่งเดือนแห่งการทดลองจากนี้ไปจะถูกใจและสังคมรับได้หรือไม่ หรือจะเจริญรอยตามกับมาตรการห้ามนั่งท้ายกระบะที่สังคมเล่นงานซะพี่หนิดของกระผม “ใบ้รับประทาน” จนถึงเวลานี้ เดี๋ยวก็รู้ครับ!