รถใหญ่วอลโว่ เร่งเครื่องเต็มพิกัด!หวังทวงคืน “บัลลังก์แชมป์รถใหญ่ยุโรป”

0
790

หลังปล่อยให้ค่ายรถใหญ่ยุโรปเพื่อนบ้านเดียวกันเร่งเครื่องปาดหน้าเข้าป้ายเถลิง”แชมป์ยอดขายรถใหญ่ยุโรป”เป็นปีแรก ล่าสุด ค่ายรถใหญ่วอลโว่ ออกโรงเผยยอดขายปีที่แล้ว ชี้ตลาดรถใหญ่ใหญ่ปี 60 ติดลบแรง 6.3 % ขณะที่วอลโว่ กรุ๊ปโตสวน 5 % รับแม้ตกเป็น “เบอร์สอง”ตลาดรถใหญ่พรีเมี่ยมยุโรป ย้ำปีนี้มีแรงฮึดเพิ่มสปีดกลยุทธ์การตลาดเต็มพิกัด พร้อมพุ่งชนเป้าปฏิบัติการยึดคืน“บัลลังก์แชมป์รถใหญ่ยุโรป”

คุณกําลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จํากัด ผู้ผลิตและจัดจําหน่ายรถบรรทุกวอลโว่ ทรัคส์ และยูดี ทรัคส์ เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรถใหญ่ปีที่แล้วว่าภาพรวมตลาดทั้งปีหดตัวลง 6.3% จาก 25,178 คันในปี 2559 มาเป็น 23,600 คันในปี 2560 โดย รถบรรทุกขนาดใหญ่ลดลง 5.1% จาก 17,172 คันในปี 2559 มาเป็น 16,293 คันเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่รถบรรทุกขนาดกลางลดลงมากถึง 8.7% จาก 8,006 คันในปี 2559 มาเป็น 7,307 คัน เมื่อปีที่แล้ว

“ปีที่แล้วเราเคยคาดการณ์ไว้ช่วงกลางปีตลาดน่าจะหดตัวลง ด้วยการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง การใช้จ่ายภาครัฐในการก่อสร้างขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เราจึงเชื่อมั่นว่าตลาดจะดิ่งลง 10-12% แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ กลับดีขึ้นกว่าที่คิดด้วยเพราะแต่ละค่ายต่างดันรถรุ่นใหม่ ๆ อัดแคมเปญพิเศษทั้งงานขายและงานบริการออกมานําเสนอ เพื่อดันยอดขายให้ได้ตามเป้า หนุนไตรมาสสุดท้ายกลับมาทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ตลาดรวมรถใหญ่ทั้งปี 60 ลดลงไป 5 %”

ยอดขายวอลโว่ กรุ๊ปปี 60 อยู่ที่ 1,251 โต 5%

นอกจากนี้ คุณกำลาภ กล่าวอีกว่าในปีนี้เริ่มมีสัญญาณที่เป็นบวกมากขึ้นโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคที่รัฐบาลคสช.ใช้ม.44 เมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อปลดล็อคให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทําผังพื้นที่ระเบียบเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ Eastern Economics Corridor (EEC) ให้เสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2561นี้ ซึ่งเป็นที่จับตามองของนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนจากประเทศจีน ซึ่งหากทุกอย่างบรรลุตามคําสั่ง ม.44 ก็จะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

“ต้องยอมรับเมื่อปี 2559 ตลาดโตมาถึง 8% แต่เมื่ออุตสาหกรรมการก่อสร้างและการอุปโภค บริโภคภายในประเทศไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ทําให้มีการชะลอคําสั่งซื้อรถบรรทุกออกไป เพราะรถที่สั่งซื้อไปยังคงวิ่งไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงไม่จําเป็นต้องเร่งสั่งซื้อรถใหม่ในปีที่ผ่านมา สําหรับภาพรวมวอลโว่ กรุ๊ป เมื่อปีที่แล้ว มียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 5% จาก 1,191 คันเมื่อปี 2559 มาเป็น 1,251 คันเมื่อปีที่แล้ว แบ่งเป็นรถวอลโว่ ทรัคส์ 356 คัน และรถยูดี ทรัคส์ 895 คัน ถือว่าดีกว่าตลาดโดยรวมที่มีอัตราเติบโตติดลบประมาณ 6.3% สัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้นจาก 6 % เมื่อปี 2559 เป็น 7 % ในปี 2560 ทั้งนี้ เป็นผลจากการเปิดตัวรถบรรทุกขนาดกลาง ยูดี โครเนอร์ เมื่อต้นปีที่แล้ว และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาด และเราเชื่อมั่นว่ารถบรรทุกขนาดกลางอย่างโครเนอร์มีทิศทางที่สดใสและเติบโตขึ้นต่อเนื่อง

ส่วนตลาดต่างประเทศภายใต้วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) ทั้งสปป.ลาว เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ฟิลิปปินส์ และศรีลังกา โดยยอดขายรวมปีที่แล้วอยู่ที่ 201 แบ่งเป็นรถบรรทุกวอลโว่ 62 คัน และรถบรรทุกโครเนอร์อีก 129 คัน ซึ่งก็ยังเป็นยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้าที่เราคาดหวังไว้ โดยตลาดต่างประเทศที่เข้มแข็งอยู่ที่ฟิลิปปินส์ และเมียนมา

คาดหวังวอลโว่ กรุ๊ป ปี 61 โตกว่าตลาดรวม

อย่างไรก็ดี คุณกำลาภ สะท้อนมุมมองต่อปัจจัยเสริมที่จะมีส่วนกระตุ้นตลาดรถบรรทุกในปีนี้ว่าเริ่มที่การเร่งเดินหน้า EEC การคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังคาดไว้ในปีนี้จะเติบโตถึง 4.2% รวมไปถึงตัวเลขการเติบโตการส่งออกมีการปรับเป้าปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6.6% จากที่เคยกําหนดไว้ที่ 5.7% และ ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 38.2 ล้านคนเติบโต 8% และรายได้จากภาคการท่องเที่ยวแตะ ระดับ 2.05 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6%

“สิ่งเหล่านี้ เรามองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจที่จะมีส่วนกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย รวมไปถึงแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่กําลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งเราหวังว่าจะกระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้อ รถบรรทุกใหญ่เพิ่มขึ้นด้วย โดยคาดการณ์ว่าตลาดรวมน่าจะมีการเติบโตที่ 5% สอดคล้องกับการเติบโตเศรษฐกิจ แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตามองคือการเลือกตั้งในประเทศไทย แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นสิ่งที่เราต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ในส่วนเป้าการเติบโตของวอลโว่ กรุ๊ปในปีนี้  ถือเป็นปีที่ท้าทายของขับเคลื่อนอีกปีหนึ่ง โดยเราหวังว่าจะมีอัตราการเติบโตมากกว่าตลาดรวม”

เร่งเครื่องเต็มพิกัด หวังยึดคืน “แชมป์พรีเมียมแบรนด์”

กับคำถามมีความมั่นใจแค่ไหนกับการยึดคืน“แชมป์พรีเมียมแบรนด์”ในปีนี้ คุณกำลาภ ตอบว่าต้องยอมรับว่าตลาดรถใหญ่ยุโรปในไทยมีอัตราการแข่งขันเข้มข้นต่อเนื่องทุกปี เพราะในตลาดมีผู้เล่นรายใหม่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ความหลากหลายของตลาดก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เมื่อปีที่แล้ววอลโว่ ทรัคส์ ได้อันดับสองของตลาด พอถึงปีนี้จากเดิมที่ทำงานหนักอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มแรงขับเคลื่อนมากกว่าเดิม โดยวอลโว่ กรุ๊ป เรามีจุดยืนอยู่แล้วว่าทำอย่างไรเพื่อให้ลูกค้าได้ผลประโยชน์และมีผลกำไรมากสุด

เราเร่งกลยุทธ์การตลาดในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัววอลโว่ทรัคส์รุ่นครบรอบ 90 ปี เพิ่มฟีทเจอร์การบริการต่างๆเกี่ยวกับความปลอดภัยมากขึ้น เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและความเป็นพรีเมี่ยมแบรนด์ของเรา เพื่อส่งต่อผลกำไรและผลประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า ส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เราต้องเน้นย้ำ นั่นก็คือการออกผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เราจะดันผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น หวังเป็นการเพิ่มโอกาสและการเข้าถึงของลูกค้าให้มากขึ้น

ขณะที่ประเด็นความนิยมใน Brand Image รถบรรทุกแบรนด์ยุโรปนั้น คุณกำลาภ ระบุว่าเรากล้ายืนยันว่า Brand Image รถบรรทุกวอลโว่ ยังคงความเป็น “เบอร์หนึ่ง” อยู่ ซึ่งจะเป็นฐานนำหน้าให้เราขับเคลื่อนให้เข้าถึงลูกค้าด้วยความมั่นใจ และเรามีความแข็งแรงพอกับการรักษาฐานของกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยมไว้ได้เป็นอย่างดี ทั้งหมดทั้งมวลจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้เราสามารถยึดความเป็นเจ้าตลาดของรถบรรทุกพรีเมี่ยมยุโรปกลับคืนมาได้

จัดหนักจัดเต็ม!กิจกรรมส่งเสริมการตลาด

ด้านคุณวิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาดและงานสนับสนุนการขาย เปิดเผยว่า สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของวอลโว่ กรุ๊ป ในปีนี้จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นที่แบรนด์วอลโว่ ทรัคส์ ปีนี้เป็นปีครบรอบ 90 ปีวอลโว่ทรัคส์ที่สวีเดน ขณะที่การดำเนินธุรกิจในไทยปีนี้ก็เป็นปีที่ 28 ปีแล้ว และยืนยันที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์พร้อมการให้บริการที่มีประสิทธิภาพด้วยนวัตกรรม และความปลอดภัยเป็นหลัก

ในโอกาสพิเศษการครบรอบ 90 ปีนี้ เราจะเปิดจำหน่ายรถบรรทุกวอลโว่ ทรัคส์  FH  รุ่น 90Years Limited Edition สำหรับลูกค้าที่ชอบสะสมรถบรรทุกรุ่นพิเศษไว้ครอบครอง ซึ่งเป็นรุ่นที่เน้นนวัตกรรมและรูปลักษณ์ความเป็นพรีเมี่ยมแบรนด์สูงสุด โดยเราจะเริ่มจำหน่ายได้กลางปีนี้เป็นต้นไป ขณะที่กิจกรรมการแข่งขันประหยัดน้ำมันอย่าง Volvo Trucks Fuelwatch Competition ซึ่งปีนี้เป็นที่ 9 แล้ว แต่คอนเซ็ปต์การแข่งจะเปลี่ยนไปและเปลี่ยนชื่อเป็นVolvo Trucks Driver Challenge 2018”โดยจะมีกติกาใหม่ๆที่สอดคล้องกับเทรนด์การขนส่งในปัจจุบัน โดยจะจัดการแข่งขันช่วงเดือนก.ค.นี้”

นอกจากนี้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์วอลโว่ ทรัคส์ อย่าง FH ซึ่งเป็นรุ่นหัวเก๋งสูงที่เน้นความเป็นพรีเมี่ยม และวอลโว่ทรัคส์ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์โลกอยู่แล้ว ดังนั้น เราจะมีการเปิดตัว Safety Featurs package โดยจะเป็นการนำเสนอการบริการที่สอดรับกับนโยบายของภาครัฐที่เน้นการขับขี่ปลอดภัยและช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากขึ้น ขณะที่รุ่น FM ที่เป็นหัวเก๋งขนาดกลาง เป็นเครื่องยนต์ขนาด 11 ลิตรและ 13 ลิตร ตอบโจทย์ธุรกิจขนส่งของผู้ประกอบการที่ใช้แบรนด์ญี่ปุ่นแล้วอยากทดลองมาใช้แบรนด์ยูโรปบ้าง โดยมีราคาค่าตัวที่ผู้ประกอบการขนส่งสัมผัสได้

ธุรกิจรถบรรทุกกําลังเผชิญกับความท้าทาย

ส่วนแบรนด์ยูดีทรัคส์นั้น คุณวิลาวัลย์ ระบุว่าหลังจากที่เราได้เปิดตัวน้องใหม่รถบรรทุกขนาดกลางรุ่นยูดีโครเนอร์ไปเมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว และได้การตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี วัดได้จากยอดขายดีขึ้นต่อเนื่อง และเพื่อเน้นย้ำให้แบรนด์ได้ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น เราจะมีกิจกรรมโรดโชว์ครอบคลุม 10 จังหวัด ส่วนกิจกรรมการแข่งขัน UD Extra Mile Challenge ที่เราจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว เป็นกิจกรรมที่เฟ้นหานักขับที่มีทักษะเป็นเลิศด้านการขนส่งสินค้าเพื่อนำสินค้าไปยังเป้าหมายอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ปีนี้ก็จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่อง โดยเราจะจัดการแข่งขันในช่วงเดือนก.ย. และที่สำคัญเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจขนส่งให้ครอบคลุมทุกด้าน เราจะทำการเปิดตัวยูดีทรัคส์รุ่นใหม่ภายในปีนี้อีกด้วย ส่วนช่องทางการติดต่อสื่อระหว่างเรากับลูกค้านั้น เราจะรุกงานบริการกับลูกค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆให้มากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์เทรนด์และพฤติกรรมลูกค้ายุคปัจจุบันที่ต้องการเข้าถึงและรับรู้ความเป็นแบรนด์ของเราได้มากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี คุณวิลาวัลย์ สรุปปิดท้ายว่า ธุรกิจรถบรรทุกในขณะนี้กําลังเผชิญกับความท้าทายการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ โดยเฉพาะยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งวอลโว่ กรุ๊ป ได้ให้ความสําคัญต่อเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ล่าสุด เราได้มีประกาศที่ประเทศสวีเดนว่าในปีนี้ เราจะเริ่มทดลองนํารถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ออกใช้งานและปีหน้าจะเริ่มทําการตลาดในทวีปยุโรปก่อน ถือเป็นการเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับโลกเทคโนโลยียานยนต์แน่นอน สิ่งเหล่านี้ย่อมจะมีผลต่อการพิจารณาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆสําหรับตลาดประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสมรภูมิรถใหญ่ยุโรปอุณหภูมิการแข่งขันดุเดือดเข้มข้นทุกปี เหตุมีผู้เล่นรายใหม่กระโจนร่วมวงศ์ไพบูลย์มากขึ้น สร้างสีสันและเพิ่มมิติแห่งการแข่งขันที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ได้มีแค่ 2 ค่ายมหาอำนาจจากสวีเดนเท่านั้น ที่ไล่บี้ไล่เบียดความเป็น “เจ้าตลาด” ในแต่ละปี

ท้ายที่สุดแล้วจุดหมายปลายทางไม่ว่าค่ายไหนจะเข้าวิน “กาลเวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์”

แต่ที่แน่ๆยิ่งกว่าแช่แป้ง การศึกแห่งศักดิ์ศรี 2 ค่ายมหาอำนาจจากสวีเดน…ร้อนฉ่ากว่าเมื่อวันวาน!?