“เจ้าท่า”ดันร่างแผนปฏิบัติการยกระดับศักยภาพกองเรือพาณิชย์ไทยสู่ Hub ASEAN

0
71

กรมเจ้าท่า เร่งผลักดันแผนปฏิบัติการยกระดับศักยภาพกองเรือพาณิชย์ไทยใน 3 ระดับหวังขับเคลื่อนกิจการพาณิชยนาวีและกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์ เติมเต็มศักยภาพขีดความสามารรถผู้ประกอบการและลดต้นทุนระบบโลจิสติกส์ของประเทศ กรุยทางศูนย์กลางพาณิชยนาวีภูมิภาค

นายสมชาย สุมนัสขจรกุล รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านวิชาการ เปิดเผยว่ากรมเจ้าท่า มุ่งหวังส่งเสริม สนับสนุนให้กิจการและผู้ประกอบการพาณิชยนาวีมีศักยภาพ ความเข้มแข็ง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันตามสภาพการด้านพาณิชยนาวีที่เผชิญอยู่ในกระแสโลกาภิวัฒน์ โดยเตรียมผลักดันร่างแผนปฏิบัติการด้านการยกระดับศักยภาพกองเรือพาณิชย์ไทยเป็นแผนระดับ 3 เพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนากองเรือพาณิชย์ไทย รวมไปถึงกิจการพาณิชยนาวีอื่นและกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการพาณิชยนาวีภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านกายภาพ การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนาระบบการบริหารจัดการ การพัฒนาบุคลากรพาณิชยนาวี การสร้างเครือข่ายธุรกิจพาณิชยนาวี และการขนส่งต่อเนื่องในหลายรูปแบบ และการพัฒนาพาณิชยนาวีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

“เพื่อให้แนวทางมาตรการส่งเสริมสนับสนุนตามร่างแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าวมีการขับเคลื่อนและมีผลการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคของภาคเอกชนที่เป็นรูปธรรมได้ชัดเจนขึ้น อันเป็นการดำเนินการสนับสนนุการบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและแผนต่างๆ ของประเทศในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการและลดต้นทุนระบบโลจิสติกส์ของประเทศ สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านพาณิชยนาวีของภูมิภาคต่อไป”

นายสมชาย ระบุอีกว่าปัจจุบันกรมเจ้าท่า มีภาคประกอบการภายใต้การดูแลกำกับกิจการพาณิชยนาวี แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มกำกับกิจการพาณิชยนาวี  กลุ่มกำกับกิจการท่าเรือ และกลุ่มกำกับกิจการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ซึ่งมีภาคเอกชนที่อยู่ในความดูแลซึ่งได้จดทะเบียนแล้วมากกว่า 1,600 ราย ประกอบด้วย การกำกับกิจการพาณิชยนาวีเฉพาะการประกอบการขนส่งทางทะเล จำนวน 743 ราย และกิจการอู่ต่อเรือ จำนวน 242 ราย รวมทั้งการออกหนังสือรับรองขีดความสามารถของอู่ต่อเรือ จำนวน 28 ราย กำกับกิจการท่าเรือ จำนวน 196 ราย กำกับกิจการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ จำนวน 393 ราย เป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพาณิชยนาวี พ.ศ.2521 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2548 ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 และพระราชกฤษฎีกากำหนดให้กิจการท่าเรือเดินทะเลเป็นกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภคอันกระทบกระเทือนถึงความปลอดภัยหรือผาสุกของประชาชน พ.ศ. 2522 และตามพระราชบัญญัติการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ. 2548 ตามลำดับ

“เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการจัดการเรือและเพิ่มศักยภาพของกองเรือไทย ทำให้มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในแง่การนำเงินตราต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย และเพื่อควบคุมและกำกับดูแลกิจการท่าเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ให้เป็นไปด้วยความเหมาะสม เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ และสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาพาณิชยนาวีของประเทศ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและสร้างความเชื่อมั่นในระบบขนส่งทางน้ำของประเทศไทยและเพื่อให้สามารถอํานวยความสะดวกแก่การดําเนินงานด้านธุรกิจระหว่างประเทศที่มีการแข่งขันกันสูง”